คปท. บุก GBC ชี้รัฐบาลเน้น ‘ผลประโยชน์’ เสี่ยงเสียเปรียบกัมพูชา ยื่นหนังสือ ผบ.ทสส. ย้ำรักษาอธิปไตย
กรุงเทพฯ – วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00 น. กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกองทัพธรรม และ ศปปส. นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล, นายนัสเซอร์ ยีหมะ, นายอานนท์ กลิ่นแก้ว และนายใจเพชร กล้าจน ได้เคลื่อนขบวนจากสะพานชมัยมรุเชฐ มายังบริเวณด้านหน้าโรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อจัดกิจกรรมชุมนุมปราศรัยคู่ขนานการประชุมดังกล่าว
นายอานนท์ กลิ่นแก้ว หนึ่งในแกนนำ กล่าวถึงเหตุผลของการเดินทางมาในครั้งนี้ว่า เพื่อยื่นหนังสือแสดงจุดยืนของคนไทยที่ไม่ต้องการเสียดินแดน ต่อ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผ่านตัวแทน เพื่อขอให้เหล่าทัพ ยืนหยัดมั่นคงในการรักษาอธิปไตยของไทย
นายอานนท์ แสดงความไม่ไว้วางใจต่อการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งมีบิดาคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งกล่าวเตือนถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกว่า “ออกญากลาโหมภูมิธรรม” ว่า หากการเจรจาในวันนี้ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบกัมพูชา ขอให้เตรียมตัวไว้ให้ดี
จากนั้น ได้มีการเจรจาระหว่างชุดเจ้าหน้าที่กับแกนนำผู้ชุมนุม เบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับอนุญาตให้ทำกิจกรรมบริเวณหน้าแนวของเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนเรื่องการยื่นหนังสือ ทางกลุ่มได้ขอส่งตัวแทนจำนวน 10 คน เข้าไปดำเนินการ โดยแบ่งเป็นแกนนำ 5 คน และสื่อของกลุ่มอีก 5 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตตามคำร้องขอ โดยมีข้อแม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมงดใช้เครื่องขยายเสียงในระหว่างที่การประชุมกำลังดำเนินอยู่ ซึ่งทางกลุ่มยินดีปฏิบัติตาม
ด้านนายพิชิต ไชยมงคล ได้ขึ้นปราศรัยเรียกร้องไปยังนายภูมิธรรม เวชยชัย โดยอ้างถึงคำยืนยันของนายภูมิธรรมก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ทิศทางการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนจะเน้นการหาผลประโยชน์ก่อนการเจรจาเรื่องเขตแดนทับซ้อน ซึ่งนายพิชิตระบุว่า ท่าทีดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และตั้งคำถามว่า หากรัฐบาลปักธงมุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์เป็นหลัก แล้วจะมีการประชุมเรื่องเขตแดนในวันนี้เพื่ออะไร?
นายพิชิตยังได้เปรียบเทียบว่า ไทยคิดเรื่องพื้นที่ทับซ้อนเพื่อหาผลประโยชน์แล้วแบ่งกับกัมพูชาแบบ 50:50 แต่กัมพูชาไม่ได้คิดเช่นนั้น พวกเขาต้องการรุกคืบเพื่อเอาพื้นที่ (รวมถึงปราสาทตาเมือนธม) ด้วย นี่คือ ‘ธง’ และเป้าหมายของรัฐที่แตกต่างกัน เพราะ ‘ธง’ ของรัฐบาลไทยนั่งทับอยู่แต่ผลประโยชน์ ไม่คำนึงถึงอำนาจอธิปไตยของประเทศ
ภายหลังการปราศรัย ตัวแทนของกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ายื่นหนังสือแสดงจุดยืนต่อ พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ในฐานะผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว ได้ชี้แจงภายหลังรับหนังสือว่า การประชุม GBC ครั้งนี้เป็นการประชุมในระดับที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงโดยรวม และประเด็นที่กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น ปัญหาหมอกควัน ส่วนเรื่องเขตแดนนั้น *ไม่ได้* มีการพูดคุยในเวที GBC ครั้งนี้ ซึ่งจะต้องไปพูดคุยกันในเวทีคณะกรรมการชายแดนร่วม (Joint Border Committee: JBC) เนื่องจากมีเรื่องทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง เวที GBC เป็นเวทีที่ใช้ในการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี จึงขอชี้แจงให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจ และขอยืนยันว่า กองทัพและคนไทยทุกคนยึดมั่นในการรักษาอธิปไตยของชาติเป็นอันดับแรก ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมมั่นใจ และเรื่องที่ยื่นมานี้ ตนจะนำไปมอบให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโรงแรมว่า มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางรัก และ สน.พลับพลาไชย 2 จำนวน 40 นาย ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6. นอกจากนี้ยังมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (คฝ.) อีกจำนวน 1 กองร้อย คอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยโดยรอบพื้นที่การชุมนุม