มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ย้ำจุดยืนไทยใน BRICS: มุ่งพหุภาคี เปิดกว้าง พร้อมหารือ 4 ชาติใหญ่ ผลักดันความร่วมมือ
บราซิเลีย – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดเผยผลการเดินทางเยือนประเทศบราซิล เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม BRICS ในฐานะที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
นายมาริษ กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะมีบทบาทที่แข็งขันและสร้างสรรค์ในการส่งเสริมความร่วมมือทั้งภายในกลุ่ม BRICS เอง และความร่วมมือระหว่างกลุ่ม BRICS กับกลุ่มประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเน้นย้ำถึงการยึดมั่นในหลักการพหุภาคีนิยม (Multilateralism) ที่ให้ความสำคัญกับความเปิดกว้าง ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย นอกจากนี้ ไทยยังสนับสนุนความร่วมมือในกรอบใต้-ใต้ (South-South Cooperation) หรือความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน ควบคู่ไปกับการใช้กลไกความร่วมมืออื่นๆ ที่มีอยู่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังได้เน้นย้ำถึงศักยภาพอันมหาศาลของกลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบด้วยประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ ที่มีประชากรรวมกันกว่า 3,000 ล้านคน การที่ไทยได้เป็นประเทศหุ้นส่วนจึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายความร่วมมือในหลากหลายสาขาที่มีประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การศึกษา สาธารณสุข การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความท้าทายระดับโลก ไปจนถึงการส่งเสริมการเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกทางธุรกิจการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของไทยกับประเทศสมาชิกและประเทศหุ้นส่วนของ BRICS
นอกจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับแล้ว นายมาริษ ชี้ว่า การเป็นประเทศหุ้นส่วนของ BRICS จะช่วยยกระดับบทบาทและสถานะของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศให้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการทูตเชิงรุกด้านเศรษฐกิจของไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่ซับซ้อนและผันผวน
ในการเดินทางเยือนบราซิลครั้งนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ยังใช้โอกาสนี้ในการพบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ 4 ประเทศสมาชิกและประเทศหุ้นส่วนของ BRICS ได้แก่ บราซิล จีน รัสเซีย และเอธิโอเปีย การหารือเหล่านี้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ เพื่อติดตามความคืบหน้าความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่ ผลักดันประเด็นที่ติดขัดหรือปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญร่วมกัน รวมถึงการร่วมกันแสวงหาแนวทางและโอกาสใหม่ๆ ในการส่งเสริมความร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคีต่างๆ ต่อไปในอนาคต.