เตือนภัยคาเฟ่สัตว์! สาวถูกม้าแคระกัดหลังเจ็บหนัก ค่ารักษาพุ่ง 1.6 หมื่น แต่ร้านเสนอช่วยแค่ 3 พัน เตรียมร้อง สคบ.
นนทบุรี – จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพบาดแผลที่ถูกม้าแคระกัดบริเวณแผ่นหลัง พร้อมข้อความเตือนภัยเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ไม่สอดคล้องกับการเยียวยาที่ได้รับจากทางคาเฟ่ ซึ่งต่อมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า โดยเดินทางไปพบกับ น.ส.ตั๊ก (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ผู้เสียหาย ที่บ้านพักในจังหวัดนนทบุรี น.ส.ตั๊กได้แสดงร่องรอยบาดแผลที่ยังคงปรากฏอยู่บนแผ่นหลังแม้จะผ่านเหตุการณ์มานานกว่าหนึ่งเดือน พร้อมนำเอกสารค่ารักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลเอกชนจำนวน 6 ใบ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 16,000 บาท (ยังไม่รวมค่าเดินทางและค่าเสียเวลา) มาแสดงเป็นหลักฐาน
น.ส.ตั๊ก เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมของหลานชายวัย 6 ขวบ และ 4 ขวบ ตนจึงพาหลานพร้อมคุณแม่ไปเที่ยวพักผ่อนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้แวะเข้าชมคาเฟ่แห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีโซนสวนสัตว์เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างเดินทางกลับนนทบุรี เนื่องจากเห็นว่าเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ ดูสะอาด และมีสัตว์กับหุ่นยนต์ที่น่าสนใจสำหรับเด็ก โดยได้เสียค่าผ่านประตูคนละ 120 บาท ซึ่งรวมค่าอาหารสัตว์สำหรับป้อนด้วย
หลังจากเข้าสู่โซนสวนสัตว์ ตนได้พาหลานไปป้อนอาหารสัตว์ตามปกติ เมื่อมาถึงคอกม้าแคระ ตนระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากทราบว่าม้ามีฟันใหญ่ และเคยมีประสบการณ์การป้อนสัตว์ในลักษณะนี้มาก่อน ขณะที่กำลังยื่นอาหารให้กับม้าแคระสามตัวที่ยื่นคอออกมา ม้าแคระตัวหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นได้วิ่งเข้ามากินอาหารจากมืออย่างรวดเร็ว ทำให้ตนตกใจและรีบเตือนหลานให้ถอยออกไปก่อน
ขณะที่ตนกำลังทยอยป้อนอาหารที่เหลือ และกำลังจะหันหลังกลับ ม้าแคระตัวใหญ่ตัวเดิมได้ยื่นคอออกมางับเข้าที่บริเวณแผ่นหลังอย่างแรง เสียงดังคล้ายม้าเคี้ยวแครอท สร้างความเจ็บปวดทันที เมื่อเปิดเสื้อดูก็พบว่าเป็นรอยช้ำห้อเลือด ด้วยความตกใจและเจ็บปวด ตนจึงรีบตะโกนเตือนลูกค้าคนอื่น ๆ ที่กำลังจะเข้ามาให้ระมัดระวัง แม้จะเสียดายค่าเข้า แต่ตนรู้สึกปวดแผลมากจนต้องตัดสินใจยกเลิกการชมต่อและเดินทางกลับทันที
น.ส.ตั๊ก กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเกิดเหตุ ตนพยายามมองหาเจ้าหน้าที่ของคาเฟ่เพื่อแจ้งเหตุการณ์ แต่ไม่พบใครอยู่บริเวณนั้น จึงเดินทางกลับบ้านที่นนทบุรีเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชนที่ตนมีประวัติและประกันสุขภาพ เนื่องจากกังวลเรื่องบาดแผลและการติดเชื้อ เพราะเคยมีประวัติถูกสุนัขกัดและต้องฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้ามาก่อน
หลังเข้ารับการรักษาและมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ตนจึงติดต่อกลับไปที่เพจของคาเฟ่ดังกล่าวเพื่อแจ้งเหตุการณ์และขอให้ช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล ทางแอดมินเพจตอบกลับมาขอโทษและแจ้งว่าจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ แต่ต้องรอถึง 3-4 วัน จึงมีสัตวแพทย์ของคาเฟ่ติดต่อมาและขอโทษอีกครั้ง ตนได้แจ้งความประสงค์ว่าขอเพียงให้ช่วยเหลือค่ารักษาใบแรกจำนวน 7,800 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และค่าเดินทางตนจะรับผิดชอบเอง
อย่างไรก็ตาม ทางสัตวแพทย์แจ้งกลับมาว่า ผู้บริหารมีนโยบายให้รักษาที่โรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น และสามารถช่วยเหลือค่ารักษาได้เพียง 3,000 บาท ซึ่งสร้างความรู้สึกไม่พอใจให้กับ น.ส.ตั๊กอย่างมาก เพราะรู้สึกว่าจำนวนเงินไม่สมเหตุสมผลกับค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น และทางคาเฟ่ซึ่งเป็นกิจการขนาดใหญ่ควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ในเมื่อตนเสียค่าเข้าและเกิดเหตุการณ์ภายในสถานที่
น.ส.ตั๊ก ยืนยันว่า ตนไม่รับเงินช่วยเหลือจำนวน 3,000 บาทดังกล่าว และได้ปรึกษาไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้ว ซึ่งได้รับคำแนะนำให้รวบรวมเอกสารค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมถึงค่าเดินทางเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ สคบ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ท้ายนี้ น.ส.ตั๊ก ได้ฝากเตือนไปยังผู้ปกครองที่จะพาบุตรหลานไปเที่ยวคาเฟ่สัตว์ ให้เพิ่มความระมัดระวัง อย่าประมาทในพฤติกรรมของสัตว์ แม้จะเป็นสัตว์ที่ดูเชื่องหรือตัวเล็ก เนื่องจากเราไม่สามารถคาดเดาอารมณ์หรือปฏิกิริยาของสัตว์ได้ ซึ่งอาจนำไปสู่อันตรายได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นกับเด็กเล็กอาจบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ได้มาก