“โจรนินจา” สวมรอยไรเดอร์ ชิงทรัพย์เหยื่อทั่วกรุงฯ-ปริมณฑล ตร.สืบนครบาลรวบคาบ้าน รับติดพนันออนไลน์-เลี้ยงแมว

ตำรวจสืบนครบาลร่วมกับ “กัน จอมพลัง” แถลงข่าวจับกุม “โจรนินจา” หรือ นายกรภัค ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุปลอมตัวเป็นไรเดอร์ออกตระเวนชิงทรัพย์สินค้ามูลค่าสูงจากผู้ค้าออนไลน์หลายสิบรายในหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุมาแล้วกว่า 10 ครั้ง เพื่อนำเงินไปเล่นพนันออนไลน์ และส่วนหนึ่งนำไปซื้ออาหารเลี้ยงแมว

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการและผู้บังคับการในสังกัด ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายกรภัค หรือ โอ๊ค ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ในข้อหา “ฉ้อโกง” โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักใน ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม สายสะพายกล้อง และชุดที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ

พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับการประสานข้อมูลจาก “กัน จอมพลัง” ที่ได้รับแจ้งเรื่องจากผู้เสียหายหลายรายว่ามีชายคนร้ายปลอมตัวเป็นไรเดอร์ ทำทีเข้าสวมรอยรับสินค้าแทน แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากทั้งในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 1 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล

จากการสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่พบว่าคนร้ายรายนี้จะติดต่อผู้ขายสินค้าออนไลน์หลายราย เพื่อตกลงสั่งซื้อ หรือขอดูสินค้าจริง เมื่อถึงเวลานัดหมาย คนร้ายจะเดินทางไปรับสินค้า หรือได้ดูสินค้าตามที่ต้องการ แล้วจะอาศัยจังหวะชิงสินค้าขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปโดยไม่จ่ายเงิน สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ค้าเป็นอย่างมาก

กระทั่งชุดสืบสวนนครบาลสามารถสืบทราบชื่อและที่อยู่ของผู้ต้องหา และตรวจสอบพบว่ามีหมายจับติดตัว จึงได้ติดตามไปจับกุมตัวได้ขณะที่ผู้ต้องหากำลังหลบซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงนอน โดยใช้แผ่นกระดานปิดบังเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับติดตัวอีก 1 หมาย

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกคดีที่ถูกกล่าวหา โดยยอมรับว่าก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วกว่า 10 ครั้ง ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน โดยนำเงินที่ได้จากการชิงทรัพย์ไปใช้เล่นการพนันออนไลน์จนหมด และอีกส่วนหนึ่งนำไปซื้ออาหารเพื่อเลี้ยงแมวที่ตนเองเลี้ยงไว้ หลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ออกหมายจับ และคาดว่าจะมีพนักงานสอบสวนจากสถานีตำรวจอื่นๆ อีกหลายแห่งที่ผู้ต้องหาก่อเหตุ จะอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. กล่าวเสริมว่า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความในหลายท้องที่ เช่น สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่หลายรายไม่ได้แจ้งความ อาจเนื่องจากมูลค่าความเสียหายไม่มาก หรือเป็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นกับรายบุคคล ทำให้ไม่ทราบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นอีก กระทั่ง “กัน จอมพลัง” ได้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ทำให้พบว่ามีคดีลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นถึง 13 คดี และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนเดียวกัน จึงเร่งรัดติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด

พล.ต.ต.นพศิลป์ ยังได้ฝากเตือนภัยไปยังประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook หรือ Marketplace ให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในการนัดพบลูกค้า ควรตรวจสอบตัวตนของลูกค้าให้แน่ใจ และควรระมัดระวังการให้ลูกค้าขอดูสินค้า ซึ่งเป็นช่องว่างที่คนร้ายอาจฉวยโอกาสวิ่งราว หรือชิงทรัพย์ไป เช่นกรณีของผู้ต้องหารายนี้ ที่ทำทีมาดูของแล้วขับรถวนไปมาก่อนลงมือก่อเหตุ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ

นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้เดินทางมาร่วมฟังการแถลงข่าวพร้อมผู้เสียหาย โดยกล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้มักก่อเหตุชิงทรัพย์เกี่ยวกับอุปกรณ์ไอที ทำให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์ไอที พฤติการณ์คือการนัดซื้อสินค้า ทำทีขอดู แล้วอาศัยจังหวะวิ่งหนีไปพร้อมสินค้า หรือขอดูโทรศัพท์แล้วขับรถจักรยานยนต์หนีไปทันที ในบางคดี ผู้เสียหายพยายามคว้าตัวรถจักรยานยนต์ไว้ แต่ผู้ต้องหากลับบิดคันเร่งลากตัวผู้เสียหายไปกับรถ จนได้รับบาดเจ็บศีรษะฟาดพื้นสลบไป

นอกจากนี้ ยังใช้กลวิธีปลอมตัวเป็นไรเดอร์ โดยหลอกผู้ขายว่าจะเรียกไรเดอร์มารับสินค้า และกดเรียกไรเดอร์จริงให้มารอใกล้ๆ เมื่อไรเดอร์ตัวจริงใกล้ถึง คนร้ายจะสวมกล่องท้ายรถทำเนียนเป็นไรเดอร์ ถ่ายรูปยืนยันการรับสินค้า แล้วขับหลบหนีไปแทน ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและเสียสินค้าไป ซึ่งก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วกว่า 10 ครั้งในเวลาเพียง 2 เดือน แต่ยังไม่ถูกจับกุม

นายกัน จอมพลัง เล่าต่อว่า เมื่อวานนี้ตนได้พาผู้เสียหายไปประสานงานกับหลายสถานีตำรวจ ก่อนจะประสานตรงถึง พล.ต.ท.สยาม ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ รอง ผบช.น., และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ ผบก.สส.บช.น. เพื่อขอให้เร่งติดตามจับกุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหาไม่เกรงกลัวกฎหมายและมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นทุกวัน จนกระทั่งชุดสืบสวนนครบาลสามารถติดตามจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็วภายใน 6 ชั่วโมง

นายกัน ยังได้กล่าวด้วยความสงสารไปยังแม่ของผู้ต้องหา ที่ทราบว่าขายของอยู่ตลาดนัด และไม่มีแม่คนไหนอยากเห็นลูกเป็นโจร โดยพบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาตั้งแต่เริ่มติดการพนันออนไลน์ตั้งแต่อายุ 12 ปี และเคยขโมยเงินในบัญชีออนไลน์ พระเครื่อง และทองคำของแม่ตัวเองไป นอกจากนี้เพื่อนรุ่นพี่ของผู้ต้องหายังให้ข้อมูลว่า กล่องที่ใช้ติดท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อปลอมเป็นไรเดอร์นั้น เป็นของเพื่อนคนนี้เอง ทั้งที่เพื่อนคอยช่วยเหลือมาตลอด แต่กลับถูกลักกล่องไปใช้ก่อเหตุ แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ก่อเหตุไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นนี้

สุดท้าย นายกัน จอมพลัง ได้กล่าวขอบคุณผู้บัญชาการและทีมงานสืบสวนนครบาล ที่สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว และขอบคุณสถานีตำรวจทั้ง 15 แห่ง ที่จะดำเนินการอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อสอบปากคำและดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *