ยอดนักท่องเที่ยวจีนวูบ หวั่นกระทบเศรษฐกิจไทย สทท.-ททท. เร่งปรับเกมสู้ศึก ‘จีน-ญี่ปุ่น-เวียดนาม’

กรุงเทพฯ – สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ หลังยอดเดินทางลดลงอย่างน่าเป็นห่วง จากที่เคยสูงถึงหลักแสนคนต่อวัน กลับเหลือเพียงราว 7,000 คนในบางวันช่วงต้นปี 2568 คิดเป็นอัตราลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ปัญหานี้สร้างความกังวลอย่างมากแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างรายได้และเงินตราต่างประเทศให้กับประเทศ

นางสาวนัตติยา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงความกังวลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยชี้ว่าการท่องเที่ยวเป็นกลไกขับเคลื่อนรายได้และเงินตราต่างประเทศที่สำคัญที่สุดของไทยในขณะนี้

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม) ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 9.55 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2% จากปี 2567 และฟื้นตัว 88% เมื่อเทียบกับปี 2562 สร้างรายได้ 471,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2567 หรือฟื้นตัว 91% จากปี 2562 ตลาดสำคัญยังคงเป็น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม นางสาวนัตติยา กล่าวว่า คาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาสที่สอง (เมษายน-มิถุนายน 2568) จะอยู่ที่ 8.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน สร้างรายได้ 390,420 ล้านบาท ทำให้รายได้รวมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 862,295 ล้านบาท ซึ่งยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

“สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง คือการที่เราต้องแข่งขันกับญี่ปุ่นและเวียดนาม” ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าว พร้อมเสริมว่า ประเทศจีนเองก็เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างหนักหน่วงและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศของตนเองมากขึ้น

นอกจากนี้ นางสาวนัตติยา ยังได้ชี้ถึงนโยบายล่าสุดของจีนที่คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 13% โดยระบบถูกออกแบบมาให้เรียบง่าย สะดวก และรวดเร็ว คล้ายกับระบบของญี่ปุ่น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศจีนมากขึ้น

ปรับโครงสร้างสู่การท่องเที่ยวคุณภาพสูง

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า แม้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงจะเป็นเรื่องน่ากังวล แต่สิ่งสำคัญคือการปรับปรุงคุณภาพ ซึ่งสะท้อนผ่านโครงสร้างราคาที่ดีขึ้น โรงแรมสามารถคิดอัตราค่าห้องพักที่สูงขึ้นได้ แม้ความต้องการจะลดลง

เธอเน้นย้ำว่า เป้าหมายคือการบรรลุมูลค่าต่อผู้เยี่ยมชมที่สูงขึ้น (higher value per visitor) มากกว่าการมุ่งเน้นที่ปริมาณ (volume) เพียงอย่างเดียว แม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงในบางตลาด แต่ก็ถูกชดเชยด้วยการเติบโตจากตลาดอื่น และมีการนำโครงสร้างราคาที่เหมาะสมมากขึ้นมาใช้ ดังนั้นเธอจึงแนะนำอย่างยิ่งว่าไม่ควรตื่นตระหนกกับตัวเลขที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเสริมว่า ททท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยกำลังพิจารณาในหลายมิติ เช่น การปรับโครงสร้างเพื่อมุ่งสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ดีขึ้น และการกำหนดราคาตลาดที่เหมาะสมซึ่งตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบการและลูกค้า พร้อมทั้งมีความเร่งด่วนในการปรับปรุงการบริการเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของไทยให้คุ้มค่า

ททท. ยังคงทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์และพันธมิตรต่างๆ เพื่อให้บรรลุผลที่ดีขึ้นในอนาคต ที่ผ่านมา ความพยายามด้านการตลาดได้มุ่งเน้นไปที่ตลาดระยะไกล (long-haul markets) ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างไปสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงขึ้น

สำหรับตลาดจีน ททท. ยังคงเดินหน้ากิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้ ซึ่งเป็นปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปี นับตั้งแต่ต้นปี 2567 ททท. ได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงคอนเสิร์ตตรุษจีนที่มีนักร้องชื่อดังชาวจีนมาร่วมงาน

แคมเปญที่สำคัญที่สุดในปีนี้คือโครงการ “สวัสดีหนีห่าว” (Sawadee Ni Hao) ซึ่งมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง หลังประสบความสำเร็จจากแคมเปญ “Ni Hao Month” ที่เคยใช้ หลัว อวิ๋นซี (Luo Yunxi) นักแสดงชาวจีนชื่อดัง เป็นทูตส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย

ภาคเอกชนเสนอคืน VAT ณ จุดขาย สู้ศึกแข่งขัน

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการกิตติมศักดิ์สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า ประเทศไทยอาจสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว หากไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประเทศจีนเสนอการคืนภาษี VAT 13% ณ จุดขาย ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียบง่ายและสะดวก

เขาแนะนำว่า ประเทศไทยควรนำนโยบายที่คล้ายคลึงกันมาใช้ การคืนภาษีทันที ณ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในระหว่างการเดินทาง และอาจเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวได้

นายอดิษฐ์ เสริมว่า ประเทศจีนได้เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงรุกมาตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยมุ่งเป้าหมายทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ นอกเหนือจากการคืนภาษี VAT จีนยังอนุญาตให้พลเมืองจาก 54 ประเทศ สามารถพำนักโดยไม่ต้องขอวีซ่า (visa-free transit policy) ได้นานถึง 240 ชั่วโมง (10 วัน) ซึ่งช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจีนในเอเชีย ก็ได้นำระบบซื้อสินค้าปลอดภาษีมาใช้ แม้ญี่ปุ่นมีแผนจะเปลี่ยนไปใช้ระบบคืนภาษีในปีหน้า แต่ Global Blue บริษัทที่ให้บริการคืนภาษีสำหรับนักท่องเที่ยว ชี้ว่ายอดใช้จ่ายสินค้าปลอดภาษีในญี่ปุ่นเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 219% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็น 50% ของยอดใช้จ่ายนี้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *