ชายชาวฮังการีเมาหนัก ไม่จ่ายค่าเครื่องดื่ม-ค่าเด็กเอนฯ ถูกกลุ่มสาวสองรุมทำร้ายสาหัสที่พัทยา
ชลบุรี – เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นในเมืองพัทยา เมื่อชายชาวฮังการีวัย 53 ปี ถูกกลุ่มบุคคลทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังมีปัญหาเรื่องการไม่ชำระค่าบริการภายในร้าน โดยเฉพาะค่าเครื่องดื่มและค่าเสียเวลาของสาวประเภทสองที่มานั่งเอนเตอร์เทนด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบและติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 01.30 น. ของวันที่ 30 เมษายน 2568 ร.ต.อ.เชาวลิตร สุวรรณมณี รอง สวป. สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายที่ร้านแห่งหนึ่ง บริเวณใกล้เคียงซอยเลียบชายหาดพัทยา 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รีบเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบชายชาวฮังการี อายุ 53 ปี อยู่ในสภาพได้รับบาดเจ็บที่ใบหูข้างซ้าย มีบาดแผลฉีกขาดและเลือดไหลจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะเคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
จากการสอบถามพนักงานของร้าน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุชายชาวฮังการีคนดังกล่าวได้เข้ามาใช้บริการ สั่งทั้งเครื่องดื่มและกัญชามาดื่มและสูบภายในร้าน ก่อนจะไปเรียกสาวประเภทสองที่ยืนอยู่ริมชายหาดมานั่งดื่มเป็นเพื่อนเพื่อคลายเหงา
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลาปิดร้าน ชายชาวฮังการีกลับไม่มีเงินสดชำระค่าบริการ ซึ่งรวมถึงค่าเครื่องดื่มที่มียอดถึง 1,570 บาท และค่าเสียเวลาสำหรับสาวประเภทสองที่มานั่งเป็นเพื่อน ทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง
พนักงานของร้านเล่าต่อว่า เมื่อการพูดคุยไม่เป็นผล สาวประเภทสองจึงได้เรียกกลุ่มเพื่อนเข้ามาช่วยเจรจา แต่สถานการณ์กลับบานปลายจนถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกันขึ้น ซึ่งหากไม่มีผู้ที่เห็นเหตุการณ์เข้าไปช่วยกันห้าม ชายชาวฮังการีอาจได้รับบาดเจ็บหนักกว่านี้
ในส่วนของผู้ก่อเหตุ ได้หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ชายชาวฮังการีเข้ารับการรักษาตัวจนอาการดีขึ้น จะได้เชิญตัวมาสอบปากคำ พร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบิลค่าเครื่องดื่ม ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าจะโอนเงินให้แต่โทรศัพท์มีปัญหา
สำหรับกรณีการทำร้ายร่างกาย หากผู้บาดเจ็บประสงค์จะดำเนินคดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานและหาเบาะแสเพื่อติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาสอบสวนและดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป