ด่วน! กกต.ส่งศาลฎีกาฟัน สว.เกศกมล ปมวุฒิดร.แคลิฟอร์เนีย อ้างไม่จริงเข้าข่ายหลอกลวง
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ได้มีมติที่สำคัญเกี่ยวกับคุณสมบัติของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยมีคำวินิจฉัยให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ พ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. รายหนึ่ง
มติดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีที่ พ.ญ.เกศกมล ได้แจ้งคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกเป็น สว. โดยระบุว่าสำเร็จการศึกษาระดับด็อกเตอร์จาก California University ซึ่งเข้าข่ายการถูกกล่าวหาว่ากระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัคร ตามมาตรา 77(4) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561
รายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนของสำนักงาน กกต. พบว่า การใช้วุฒิคำนำหน้าด็อกเตอร์นั้นจะต้องมาจากการศึกษาจริงและได้รับวุฒิบัตรอย่างถูกต้อง อีกทั้ง California University ที่ถูกกล่าวอ้างนั้น ใช้วิธีการเรียนแบบการส่งรายงานและการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ทำให้ กกต. พิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าข่ายเป็นการแจ้งคุณสมบัติที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง อันอาจนำไปสู่การหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกได้
สำหรับคดีนี้ เริ่มต้นจากการที่มีผู้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ และ กกต. ได้มีมติรับเป็นสำนวนการสืบสวนไต่สวนตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 กระบวนการสืบสวนได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง มีการนำเสนอผลการตรวจสอบเข้าสู่ที่ประชุม กกต. หลายครั้ง เพื่อพิจารณาข้อมูลอย่างละเอียด ก่อนจะมีมติเป็นทางการในการประชุมล่าสุด
ตามมาตรา 77(4) ของกฎหมาย สว. การกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติของผู้สมัครนั้น มีบทลงโทษทางอาญาที่ร้ายแรง คือ จำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และที่สำคัญคือศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นเป็นเวลาถึง 20 ปี
ขั้นตอนต่อไป หากศาลฎีกามีคำสั่งประทับรับฟ้อง พ.ญ.เกศกมล จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาไว้ทันที จนกว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
นอกจากกรณีวุฒิการศึกษาแล้ว พ.ญ.เกศกมล ยังมีเรื่องร้องเรียนอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต. โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการ ‘ฮั้ว’ หรือการรวมตัวกันเพื่อลงคะแนนให้กลุ่มบุคคลในการเลือก สว. ซึ่งคาดว่า กกต. อาจพิจารณาประเด็นนี้ควบคู่ไปกับการสอบสวนภาพรวมกระบวนการฮั้วการเลือก สว. ที่ กกต. ได้ตั้งคณะกรรมการร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินการอยู่ในขณะนี้