“เหนือพรหมลิขิต” เข้มข้น! ‘มาสุ-พรีม’ เล่าบทพลิกขั้วจากเด็กเนิร์ดสู่มาเฟีย ย้อนยุค 90
ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง หลังพระเอกหนุ่ม ‘มาสุ จรรยางค์ดีกุล’ โคจรจับคู่ร่วมงานกับนางเอกสาว ‘พรีม’ รณิดา เตชสิทธิ์ อีกครั้ง ในละครดราม่าสุดเข้มข้น “เหนือพรหมลิขิต” ทางช่อง 3
ล่าสุดทั้ง มาสุ และ พรีม ได้เปิดใจเล่าถึงบทบาทการแสดงที่ได้รับในละครเรื่องนี้ รวมถึงเบื้องหลังการถ่ายทำที่น่าสนใจ
เรื่องราวใน “เหนือพรหมลิขิต”
พรีมเผยว่า ละครเรื่องนี้จะย้อนไปในยุค 90 เล่าเรื่องราวตั้งแต่พาร์ตเด็กจนถึงพาร์ตโต หลักๆ เป็นเรื่องราวของผู้หญิงสามคนที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย แต่สุดท้ายพรหมลิขิตนำพาให้มาเจอกันและช่วยเหลือกัน โดยมีหนุ่มๆ เข้ามาสร้างความวุ่นวาย ซึ่งหากไม่มีผู้ชายเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้หญิงทั้งสามคนก็คงจะรักกันดี
บทบาทที่ท้าทาย
พรีมรับบทรสอริน เป็นผู้หญิงสู้ชีวิต ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่พึ่งผู้ชาย และบ้างาน ในวัยเรียนเธอเป็นนักดนตรีวงโยธวาทิต ซึ่งพรีมได้โชว์ฝีมือการเล่นแคลริเน็ตจริงๆ ตัวละครรสอรินแบกรับอารมณ์และบาดแผลในใจมาตั้งแต่เด็ก ถูกบังคับให้โตเร็ว ซึ่งเป็นความท้าทายของพรีมในการคงพลังงานด้านนี้ไว้ตลอดเรื่อง
ด้านมาสุรับบทสองคาแร็กเตอร์คือ ชุน และ ชานนท์ ในวัยเด็กเขาคือ ชุน เด็กเนิร์ดที่แอบชอบรสอริน แต่มีจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ทำให้ตอนโตเขากลายเป็น ชานนท์ อีกคาแร็กเตอร์ที่พลิกไปอย่างสิ้นเชิง มาสุบอกว่าเรื่องนี้ทำให้ได้สกิลการปลอมตัวอย่างเต็มที่ เพราะต้องสลับไปมาระหว่างซีนเด็กกับซีนผู้ใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว
ความเข้มข้นที่หลากหลาย
มาสุเล่าว่า ละครเรื่องนี้มีครบทุกรสชาติ พาร์ตเด็กก็เป็นเรื่องราววัยเรียนที่น่ารักสดใส พอโตมาก็เหมือนดูหนังมาเฟียไปเลย
พรีมเสริมว่า ในส่วนของสามสาวจะไม่ได้บู๊หนัก แต่จะเป็นเรื่องของการหักหลัง ขโมยสูตรครีม การเชือดเฉือนในธุรกิจ จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรสอรินกับพี่พริม (รับบทโดย พริมา) และน้องเคท (รับบทโดย มาริลิน เคท) ต้องตัดขาดกัน ขณะที่ฝั่งของชานนท์จะเป็นเรื่องราวของมาเฟียและการค้ายาเสพติด
มาสุอธิบายว่า สองเส้นเรื่องนี้จะถูกเชื่อมโยงโดยตัวละคร ธนากร รับบทโดย พี่แม็ค (วีรคณิศร์) ซึ่งเป็นตัวสร้างความปั่นป่วนตั้งแต่พาร์ตเด็กจนโต เป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับทุกคนในเรื่อง
ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน
มาสุเผยถึงการเปลี่ยนแปลงจากเด็กเนิร์ดสู่มาเฟียว่า มีจุดสวิตช์ใหญ่ที่ทำให้เขาต้องออกจากบ้านไป พอเขากลับมาในชื่อชานนท์ รสอรินจะคิดว่าชุนเสียชีวิตไปแล้ว เธอจึงจำเขาไม่ได้เพราะเขาเปลี่ยนไปมาก ชานนท์กลับมาในแบบที่ซับซ้อน ขณะที่รสอรินเองก็เติบโตจนกลายเป็นผู้กว้างขวางและมีปัญหากับแก๊งมาเฟียที่ชานนท์อยู่ ทำให้เขาไม่สามารถบอกความจริงกับรสอรินได้ ทั้งที่อยากเข้าไปใกล้ชิด เพราะรสอรินคือคนที่คอยฮีลใจเขาตั้งแต่เด็ก เป็นความสัมพันธ์ที่อยู่ใกล้แต่พูดไม่ได้ หน่วงๆ และมีอุปสรรคอยู่ที่ตัวชานนท์เอง
ฉากสุดประทับใจ
มาสุประทับใจฉากไฟไหม้ดับเพลิงที่ต้องทำงานหนักทั้งวันเพื่อซีนสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของทีมงาน
พรีมชอบฉากที่ไปดูหนังกลางแปลงและซีนประกวดธิดาขนมจีน เพราะเหมือนได้วาร์ปกลับไปยุค 90 จริงๆ มีการนำม้วนฟิล์มเก่ามาฉาย แม้จะเป็นวันที่ถ่ายฉากใหญ่และเลิกดึกถึงตีสอง แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เพลินไปกับการถ่ายทำและบรรยากาศ โดยเฉพาะการแต่งกายของตัวละครที่ไปประกวดธิดาขนมจีนที่เหมือนสมัยก่อนมากๆ ทำให้เธอประทับใจไม่รู้ลืม
บรรยากาศการถ่ายทำที่โคราช
กองถ่ายได้เดินทางไปปักหลักถ่ายทำหลายสถานที่ในจังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 20-30% ของเรื่อง เช่น โรงเรียนในโคราช ซึ่งได้รับการต้อนรับและความร่วมมือจากนักเรียนและวงโยธวาทิตเป็นอย่างดี ก่อนเริ่มถ่ายทำยังได้ร่วมเคารพธงชาติกับน้องๆ โดยมีวงโยฯ บรรเลงเพลงที่ยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ยังได้ไปถ่ายทำที่สถานที่ไฮไลต์ของโคราช เช่น ลานย่าโม อำเภอพิมาย อุทยานไทรงาม และสะพานไม้ร้อยปี มาสุชื่นชมอุทยานไทรงามว่าเป็นโลเคชั่นที่ อันซีน (Unseen) และแตกต่าง ส่วนพรีมประทับใจต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุยืนยาว ทำให้บรรยากาศดีมากๆ การถ่ายทำที่โคราชยังมีพี่ๆ ชาวบ้านและน้องๆ นักเรียนคอยมายืนเชียร์ ทำให้ทีมนักแสดงมีกำลังใจ
ฝากละคร “เหนือพรหมลิขิต”
มาสุอยากให้ติดตามชมละครเรื่องนี้ เพราะจะได้เห็นนักแสดงหลายคนย้อนวัยไปเล่นเป็นร่างเด็ก ซึ่งทุกคนตั้งใจตีความและเล่นเป็นวัยเด็กจริงๆ
พรีมเสริมว่า ละครเรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จมาเกือบปีแล้ว ไม่ใช่แค่ผู้ชม พวกนักแสดงเองก็อยากดูมากๆ เรื่องนี้มีหลายเส้นเรื่อง เล่ามุมมองชีวิตและมุมมองความรักที่แตกต่างกัน เชื่อว่าคนดูจะได้อะไรกลับไปแน่นอน อาจเจอเส้นเรื่องที่รีเลตกับตัวเอง ทำให้ย้อนวันวานหรือคิดถึงเรื่องราวในอดีต หวังว่าทุกคนจะสนุกกับละครเรื่อง “เหนือพรหมลิขิต”