ผู้ปกครองเฮ! รมว.ศธ. ย้ำยืดหยุ่น ‘ชุดลูกเสือ’ ก่อนเปิดเทอม มอบโรงเรียนใช้ดุลยพินิจ ลดภาระ
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีประเด็นสำคัญที่น่าจับตา โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน และการคลี่คลายข้อกังวลเรื่องการแต่งกายด้วยเครื่องแบบลูกเสือ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า ตนได้รายงานผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จังหวัดนครพนม ซึ่งได้มีการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณของกระทรวงต่างๆ และการติดตามงบประมาณเพื่อพัฒนาการศึกษา รวมถึงการที่ ครม. ได้มีมติเห็นชอบการออกสลากการกุศล วงเงิน 5,308.14 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการพร้อมให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมสำหรับการชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่จะมีการอภิปรายในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
อีกประเด็นที่มีการหารือคือ การขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาตามโครงการประเมินผลนักเรียนระดับนานาชาติ หรือ PISA ซึ่งขณะนี้ได้มีการอบรมและพัฒนาครูไปแล้วกว่าร้อยละ 80 โดยได้ฝากให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำชับไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ให้มีการรวบรวมและจัดทำคลังข้อสอบเพื่อพัฒนาข้อสอบตามแนวทางของ PISA รวมถึงเปิดรับฟังความคิดเห็นจากครูผู้สอน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างแท้จริง
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวถึงการประชุมมอบนโยบายด้านการศึกษาที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ กับ สพท. ทั่วประเทศ เพื่อจัดเตรียมแผนการสอนและการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ก่อนที่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 จะเปิดขึ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม
สำหรับประเด็นที่ผู้ปกครองจำนวนมากให้ความสนใจและกังวล นั่นคือ เรื่องการแต่งกายด้วยเครื่องแบบลูกเสือ รมว.ศธ. ได้กล่าวชี้แจงว่า ต้องการให้มองเรื่องนี้ในหลายมิติ เพราะแท้จริงแล้วนโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อลดภาระของผู้ปกครองและนักเรียนเป็นหลัก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด เช่น โรงเรียนในพื้นที่สูงหรือพื้นที่ห่างไกล ซึ่งสามารถพิจารณาอนุโลมการแต่งเครื่องแบบลูกเสือให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ได้
“เรื่องการแต่งกายด้วยเครื่องแบบลูกเสือ ผมอยากให้มองในหลายมิติ เพราะแท้จริงแล้ว คือการลดภาระผู้ปกครองและนักเรียน ซึ่งต้องดูตามสภาพพื้นที่ เช่น โรงเรียนในพื้นที่สูงหรือห่างไกล ก็อนุโลมการแต่งเครื่องแบบลูกเสือให้เหมาะสมตามสภาพบริบทของพื้นที่ได้ เป็นต้น” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวและยืนยันว่า “แต่กิจกรรม ที่เป็นทางการต่างๆ ก็ยังต้องใส่เครื่องแบบลูกเสืออยู่ ดังนั้นผู้ประกอบการที่ผลิตชุดลูกเสือไม่ต้องกังวลว่า จะขายชุดไม่ได้ ซึ่งการดำเนินการเรื่องนี้คือ การยืดหยุ่นการแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เพื่อเปิดโอกาสการแต่งเครื่องแบบที่ให้โรงเรียนใช้ดุลยพินิจหรืออนุโลมด้วยการแต่งกาย”
รมว.ศธ. ยังได้ยกตัวอย่างว่า ในการฝึกลูกเสือบางกิจกรรม การใช้ชุดพละพร้อมผ้าพันคอลูกเสือก็เพียงพอแล้ว เช่นเดียวกับการฝึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่การฝึกบางอย่างก็สวมใส่แค่เสื้อยืด ไม่ได้แต่งเครื่องแบบเต็มรูปแบบตลอดเวลา ดังนั้น ในการเรียนวิชาลูกเสือบางกิจกรรม สามารถแต่งกายให้เหมาะสมกับลักษณะของกิจกรรมนั้นๆ ได้ โดยมอบให้โรงเรียนเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ปกครองได้ในที่สุด