ชลประทาน แจงปมเรือกำจัดวัชพืชลำปางจม หลังถูกสื่อออนไลน์ตั้งคำถามไม่ใช้งาน
ลำปาง – กรมชลประทาน เร่งชี้แจงกรณีเรือกำจัดวัชพืชในพื้นที่จังหวัดลำปาง ที่มีข่าวถูกส่งมอบตั้งแต่ปลายปี 2566 แต่ยังไม่เคยถูกนำมาใช้งาน ล่าสุดเรือดังกล่าวได้จมลงแล้ว หลังเจอพายุลมแรงเมื่อคืนวันที่ 21 กันยายน 2567 แจงที่ผ่านมาพบข้อจำกัดระหว่างทดสอบ ยันได้แก้ไขและรอการตรวจสอบซ้ำ ก่อนเกิดเหตุไม่คาดฝัน เตรียมกู้เรือและสอบหาสาเหตุต่อไป
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2567 กรมชลประทาน ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีสื่อออนไลน์นำเสนอข่าวเกี่ยวกับโครงการเรือกำจัดวัชพืชของจังหวัดลำปาง ซึ่งถูกระบุว่าถูกส่งมอบมาตั้งแต่ปลายปี 2566 แต่ยังไม่เคยถูกนำมาใช้งาน จนกระทั่งล่าสุดมีรายงานว่าเรือลำดังกล่าวได้จมลงแล้ว
นายXXX (ชื่อสมมติ ตำแหน่ง กรมชลประทาน) กล่าวว่า เรือลำดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า เรือเก็บ-ย่อย และบีบอัดก้อนผักตบชวาและวัชพืชลอยน้ำ หรือ RID PS NO.1 ซึ่งเป็นโครงการที่กรมชลประทานได้ว่าจ้าง บริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด ให้ดำเนินการต่อเรือพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืชในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่มักมีปัญหาผักตบชวาปกคลุม
เรือลำนี้ได้ถูกนำส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ของโครงการฯ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาจริง แต่ในช่วงระหว่างการทดลองใช้งานเบื้องต้น โครงการฯ ได้พบข้อจำกัดบางประการในการทำงานของเรือ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานในสภาพจริง จึงได้มีการแจ้งให้บริษัทผู้รับจ้างเข้ามาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงตามข้อกำหนด
ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ตรวจพบเรียบร้อยแล้ว และทางโครงการฯ กำลังอยู่ในระหว่างการรอเข้าตรวจสอบการใช้งานของเรืออีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าข้อจำกัดดังกล่าวได้รับการแก้ไขและเรือพร้อมสำหรับการใช้งานจริง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
นายXXX กล่าวเพิ่มเติมว่า ในคืนวันที่ 21 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสลมกำลังแรงพัดผ่านพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งคาดว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรือ RID PS NO.1 ที่จอดอยู่บริเวณจุดจอดเรือห้วยตุ้ม ใกล้ท่าแพสำเภาทอง ได้จมลง
เบื้องต้น กรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ได้ดำเนินการเข้าแจ้งความต่อสถานีตำรวจภูธรแจ้ห่มไว้เป็นหลักฐานแล้ว พร้อมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเป็นระยะ เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนการกู้เรือ
อย่างไรก็ตาม จุดที่เรือจมนั้นเป็นบริเวณห้วยที่มีร่องน้ำลึกพอสมควร คือประมาณ 7 – 8 เมตร ทำให้การกู้เรือต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยและความเหมาะสม ซึ่งทางกรมชลประทานคาดการณ์ว่าในช่วงเดือนเมษายน (ปีถัดไป) ระดับน้ำในบริเวณดังกล่าวจะเริ่มลดลงจนอยู่ในระดับที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับการเข้าดำเนินการกู้เรือ เพื่อนำขึ้นมาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของการจม และประเมินความเสียหายเพื่อดำเนินการต่อไป
กรมชลประทาน ยืนยันว่าพร้อมให้ข้อมูลและจะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด และจะมีการแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป