เตือนภัยนักเดินทาง! เผย 5 สิ่งที่สกปรกที่สุดในห้องพักโรงแรม แหล่งรวมเชื้อโรคที่คุณอาจมองข้าม

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวและเข้าพักตามโรงแรมต่างๆ ทั่วโลก คุณอาจไม่เคยทราบว่าเบื้องหลังความสะอาดเรียบร้อยที่คุณเห็นด้วยตาเปล่า มีบางจุดในห้องพักที่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอันตรายที่เรามองไม่เห็น ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้โดยไม่รู้ตัว

ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจาก Locksmith Dartford ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับ 5 จุด หรือ 5 สิ่งที่สกปรกที่สุดในห้องพักโรงแรม ซึ่งเป็นจุดที่ซ่อนเชื้อโรคไว้ได้ง่าย และแขกที่เข้าพักควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

1. ผ้าคลุมเตียง หมอน และผ้าม่าน: แหล่งรวมสิ่งปฏิกูลที่ถูกละเลย

สิ่งเหล่านี้ถูกยกให้เป็นสิ่งที่สกปรกที่สุดในห้องพักโรงแรม โดยเฉพาะ ‘ผ้าคลุมเตียง’ ซึ่งต่างจากผ้าปูที่นอนที่จะถูกเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งที่มีแขกเช็คเอาท์ แต่ผ้าคลุมเตียงอาจไม่ผ่านการซักเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ทำให้กลายเป็นแหล่งสะสมของรังแค น้ำลาย ของเหลวในร่างกาย และแบคทีเรียต่างๆ ในปริมาณมหาศาล เนื่องจากสิ่งของเหล่านี้ไม่ได้สัมผัสกับร่างกายแขกโดยตรง พนักงานทำความสะอาดจึงมักจะละเลยในการทำความสะอาดอย่างทั่วถึง

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ควรนำผ้าคลุมเตียงออกทันทีที่เข้าห้องพัก และฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อบริเวณพื้นผิวผ้าอื่นๆ เพื่อป้องกันเป็นพิเศษ ควรนำปลอกหมอนส่วนตัวมาคลุมทับหมอนของโรงแรม เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งปนเปื้อนโดยตรง

2. โทรศัพท์และรีโมททีวี: อุปกรณ์ที่สัมผัสบ่อยแต่ทำความสะอาดน้อย

สองสิ่งนี้เป็นอุปกรณ์ที่ผู้เข้าพักมักจะสัมผัสบ่อยที่สุด แต่กลับเป็นจุดที่มีการทำความสะอาดน้อยที่สุดเช่นกัน ทำให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและไวรัสอันตราย เช่น ไวรัสหวัด ไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือแม้กระทั่งเชื้ออีโคไล จากการศึกษาหนึ่งยังพบว่า รีโมทในโรงแรมระดับสามดาวมีเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจและทางเดินอาหารได้ง่าย

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ก่อนใช้งาน ควรใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดแบบเปียกที่มีส่วนผสมของสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียเช็ดทำความสะอาดโทรศัพท์และรีโมททีวีให้ทั่ว หรืออาจใช้ถุงพลาสติกแบบซองใส่รีโมทไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง

3. บริเวณห้องน้ำ (โดยเฉพาะฝักบัว): สกปรกกว่าที่คิด และน่าตกใจ!

แม้จะดูเหมือนเป็นพื้นที่ที่ถูกทำความสะอาดอยู่เสมอ แต่ห้องน้ำก็ยังเป็นที่สะสมของเชื้อโรคอันตรายได้ โดยเฉพาะบริเวณ ‘ฝักบัว’ ซึ่งจากการศึกษาพบว่า มีแบคทีเรียสะสมอยู่มากกว่าที่นั่งชักโครกถึง 25,000 เท่า! เชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยในฝักบัวคือ แบคทีเรียเลจิโอแนร์ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเลจิโอแนร์ ซึ่งเป็นโรคปอดอักเสบชนิดหนึ่ง

สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ แนวทางการทำความสะอาดของพนักงานบางคน ที่อาจใช้ผ้าผืนเดียวกันทำความสะอาดทั้งชักโครก อ่างล้างหน้า และเคาน์เตอร์ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการปนเปื้อนข้ามกันของเชื้อโรค

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ก่อนใช้งานพื้นผิวต่างๆ ในห้องน้ำ ควรเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าเปียกฆ่าเชื้อก่อนเสมอ สำหรับฝักบัว ควรเปิดน้ำร้อนทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที ก่อนใช้งาน เพื่อช่วยกำจัดแบคทีเรียที่อาจตกค้างอยู่ในหัวฝักบัว

4. ถังใส่น้ำแข็ง: ภาชนะสารพัดประโยชน์ที่อาจไม่เคยสะอาดจริง

เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ‘ถังใส่น้ำแข็ง’ ในห้องพักโรงแรมมักถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อย่างหลากหลาย เช่น ใช้เป็นภาชนะรองรับเมื่อมีอาการอาเจียน และที่แย่กว่านั้นคือ โรงแรมส่วนใหญ่มักจะเพียงแค่ล้างถังน้ำแข็งด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อการฆ่าเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนอยู่

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: เพื่อความปลอดภัย ควรใช้ถุงพลาสติกใส่ด้านในถังน้ำแข็งก่อนใช้งานเสมอ หรือทางที่ดีที่สุดคือ ซื้อน้ำแข็งที่บรรจุถุงมาเรียบร้อยแล้วจากร้านค้าใกล้เคียง

5. เครื่องชงกาแฟและแก้วน้ำ: แหล่งเพาะพันธุ์เชื้อราและแบคทีเรีย

สำหรับคอกาแฟที่ชอบชงกาแฟในห้องพักโรงแรม ควรระวังบริเวณ ‘เครื่องชงกาแฟ’ เพราะกากกาแฟที่ตกค้างและความชื้นภายในเครื่อง เป็นสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อรา ยีสต์ และแบคทีเรีย หากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ กาแฟที่ชงออกมาอาจมีแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่

ในทำนองเดียวกัน ‘แก้วน้ำ’ ที่มีอยู่ในห้องพักก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะบางครั้งอาจได้รับการล้างแบบลวกๆ ในอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ซึ่งอาจยังมีเชื้อโรคจากแขกคนก่อนตกค้างอยู่ได้

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: หากเป็นไปได้ ควรพกกระบอกน้ำหรือแก้วส่วนตัวไปเอง หรืออย่างน้อยที่สุด ควรทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟและแก้วน้ำที่มีให้ในห้องพักให้สะอาดก่อนใช้งานทุกครั้ง

ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักเดินทางทุกคนควรรับทราบ เพื่อให้การพักผ่อนเต็มไปด้วยความสบายใจและปลอดภัยจากเชื้อโรคที่ซ่อนเร้น