รำลึก ๑๓๕ ปี ชาตกาล “หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร” พระเกจิวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย สังขารไม่เน่าเปื่อย
ชุมพร – เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๓๕ ปี ชาตกาล “หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร ในวันพุธที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ พุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ร่วมรำลึกถึงพระเกจิชื่อดังผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและวัตรปฏิบัติอันงดงาม ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวชุมพรและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ
หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๓ ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ที่ ต.วิสัยเหนือ อ.สวี จ.ชุมพร ในครอบครัวชาวนา ท่านมีความใฝ่ใจในการศึกษาตั้งแต่วัยเยาว์
เมื่ออายุ ๑๘ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสวี ศึกษาด้านพระปริยัติธรรมและอักษรขอม ต่อมาเมื่ออายุครบบวช ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดวิสัยเหนือ โดยมีหลวงพ่อชื่น วัดแหลมปอ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “จันทสโร”
หลังจากจำพรรษาที่วัดวิสัยเหนือระยะหนึ่ง หลวงปู่สงฆ์ได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดควน ต.วิสัยเหนือ เพื่อศึกษาทางด้านกัมมัฏฐานและวิทยาคม จากนั้นท่านได้เริ่มออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อฝึกฝนวิปัสสนาและแสวงหาพระอาจารย์ผู้แก่กล้าวิชา เพื่อศึกษาเพิ่มเติม
ระหว่างการธุดงค์ ท่านได้เดินทางถึงจังหวัดภูเก็ตและได้พบกับพระอาจารย์รอด วัดโต๊ะแซ หรือตอแซ พระเกจิชื่อดังในยุคนั้น จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาพุทธาคมและวิทยาคมต่างๆ อยู่ ๒ พรรษา ก่อนจะกราบลาอาจารย์เพื่อออกธุดงค์ต่อไป
เหตุการณ์สำคัญที่นำหลวงปู่สงฆ์มาสู่ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย เกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ ณ พื้นที่ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร วันหนึ่ง สองแม่ลูกชาวบ้านได้ออกหาของป่าและสังเกตเห็นนกแก้วบินนำทางเข้าไปในบริเวณวัดร้างแห่งหนึ่ง เมื่อตามนกแก้วไปก็พบกับหลวงปู่สงฆ์กำลังปักกลดอยู่บริเวณนั้น ด้วยความเลื่อมใส สองแม่ลูกจึงนิมนต์ท่านกลับไปจำพรรษาที่วัดร้างใกล้หมู่บ้าน
วัดร้างแห่งนั้นอยู่ในสภาพทรุดโทรม มีเพียงซากสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ แม้แต่อุโบสถก็เหลือเพียงเสาสี่ต้น ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นรกรุงรัง
หลังจากรับนิมนต์ หลวงปู่สงฆ์ก็ได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างดี ชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันหักร้างถางพงและช่วยกันบูรณะเสนาสนะต่างๆ ขึ้นมาใหม่ พัฒนาวัดจากสภาพที่รกร้างจนกลายเป็นวัดที่มั่นคงแข็งแรงและเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้ วัดร้างแห่งนั้นก็คือ “วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย” ในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองชุมพรมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ได้รกร้างไปเป็นเวลานาน
วัตรปฏิบัติของหลวงปู่สงฆ์เป็นไปอย่างเรียบง่าย ท่านเป็นผู้สงบ สันโดษ มักน้อย พูดน้อย สำรวมระวังกาย วาจา ใจ และฉันอาหารเพียงวันละมื้อเดียว
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์เล่าขานกันถึงความเมตตาของท่านต่อสัตว์ต่างๆ เช่น ครั้งหนึ่งมีกวางหลงเข้ามาในวัด ท่านก็ให้ผลไม้และอาหารกิน และผูกเศษจีวรสีเหลืองไว้ที่คอกวาง เจ้ากวางตัวนี้อยู่ที่วัดประมาณหนึ่งปีก็กลับเข้าป่าไป แต่บางครั้งก็กลับมาหาหลวงปู่ที่วัดและอยู่สองสามวันก็กลับเข้าป่าไปอีก เล่ากันว่าในช่วงที่อยู่ในป่า เจ้ากวางสามารถรอดพ้นจากการไล่ล่าได้ทุกครั้ง เช่นเดียวกับเต่าตัวใหญ่ที่อยู่แถวป่าไผ่ใกล้วัด บางครั้งก็เดินมาหาหลวงปู่ที่กุฏิหลายสิบตัว และในวันพระสำคัญๆ พวกเต่าจะพากันมาอยู่ที่หน้าหอสวดมนต์จนพระทำวัตรเสร็จ เมื่อได้พบหลวงปู่แล้วก็จะกลับเข้าไปอยู่ในป่าไผ่ดังเดิม
หลวงปู่สงฆ์ยังเป็นที่ร่ำลือกันว่าท่านมี “วาจาสิทธิ์” กล่าวสิ่งใดมักเป็นจริง
สำหรับที่มาของชื่อ “วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย” หลวงปู่สงฆ์ได้กล่าวถึงว่า ในอดีตเคยมีเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน เคยมาบวชเป็นเจ้าอาวาสอยู่ จึงขึ้นต้นชื่อวัดว่า ‘เจ้าฟ้า’ เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าวัดเดิม ส่วนคำว่า ‘ศาลาลอย’ ตั้งตามชื่อของหมู่บ้าน และท่านมักพูดเสมอว่า “เจ้าวัดที่นี่ไม่ใช่เรา แต่เป็นปู่เจ้าฟ้า” ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการบวชนาค จะต้องนำนาคไปฝากตัวกับปู่เจ้าฟ้าก่อน จนเป็นประเพณีสืบต่อมาถึงปัจจุบัน
หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร มรณภาพอย่างสงบเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ สิริอายุได้ ๙๔ ปี ๓ เดือน ๒ วัน
สิ่งที่สร้างความอัศจรรย์และเป็นที่ศรัทธาอย่างยิ่งคือ สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย ปัจจุบันยังคงบรรจุใส่โลงแก้ว ประดิษฐานอยู่บนศาลาธรรมสังเวชภายในวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ได้เข้ากราบสักการบูชาและน้อมรำลึกถึงวัตรปฏิปทาอันงดงามของท่านตราบจนทุกวันนี้.