นายกฯ แพทองธาร ลั่น กม.คอมเพล็กซ์ ‘มีประโยชน์มหาศาล’ อย่าชี้นำว่าจะไม่ผ่าน ย้ำให้สภาฯ ทำงาน

นครพนม – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยัน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นนโยบายที่มีประโยชน์มหาศาลต่อประเทศ ชี้เป็นการลงทุนจากภาคเอกชนที่จะช่วยสร้างงาน เก็บภาษีได้มากขึ้น โดยที่รัฐไม่ต้องลงทุน พร้อมขอทุกฝ่ายอย่าเพิ่งชี้นำว่ากฎหมายจะไม่ผ่านการพิจารณาของสภาฯ ย้ำให้สภาฯ ทำงานเต็มที่ และ สส. มีหน้าที่ไปทำความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 29 เมษายน 2568 ที่มหาวิทยาลัยนครพนม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการผลักดัน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่รู้จักกันในชื่อ กม.คอมเพล็กซ์ โดยถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่กฎหมายฉบับนี้อาจไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร และจะมีผลกระทบอย่างไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบในประเด็นนี้ว่า “อย่าเพิ่งชี้นำว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน”

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อถึงเหตุผลที่ตนได้กำชับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ว่า เนื่องจากเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทยที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งแตกต่างจากบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ที่มีการดำเนินการไปแล้ว จึงจำเป็นต้องสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจอย่างถูกต้อง

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับจากนโยบายนี้ว่า คือการลงทุนจากต่างชาติของภาคเอกชน เมื่อมีการลงทุนเกิดขึ้น รัฐบาลก็จะสามารถเก็บภาษีได้ ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อประเทศ นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในคอมเพล็กซ์ เช่น คอนเสิร์ต หรือการจัดงานอีเวนต์ จะส่งผลให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก และเก็บภาษีได้มากขึ้นอีกด้วย

“การที่เอกชนเข้ามาลงทุนขนาดใหญ่เช่นนี้ โดยที่รัฐไม่ต้องลงทุนเอง ถือเป็นข้อได้เปรียบและเป็นผลบวกที่รัฐจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล” น.ส.แพทองธาร กล่าวเน้นย้ำ

สำหรับกระบวนการในสภาฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สภาฯ จะต้องทำงานกันไป และเป็นหน้าที่สำคัญของ สส. ที่จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าการดำเนินงานภายใต้กฎหมายนี้เป็นอย่างไร มีส่วนใดที่ประชาชนยังเข้าใจผิด หรือยังไม่ชัดเจน ก็ต้องมีหน้าที่ไปอธิบายตรงนี้ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว ดังนั้น การทำความเข้าใจกับประชาชนต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนหลังจากที่ สส. ได้ลงพื้นที่ชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือจากหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยกำชับ สส. ของพรรคตนเองให้ลงพื้นที่ช่วยกันอธิบายเรื่องนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ได้กำชับและพูดคุยกับทุกพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้วว่าจะทำความเข้าใจกับประชาชนได้อย่างไรบ้าง ซึ่งแต่ละพรรคก็มีแนวทางการสื่อสารของตัวเอง

ส่วนกรณีที่อาจมีการตีความว่าการประกาศของ สส. พรรคร่วมรัฐบาลอาจเปิดช่องให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยออกมาโจมตีและทำให้เรื่องนี้สะดุดหรือเดินต่อไม่ได้นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “เรายังมีเวลา เพราะยังไม่เปิดสมัยประชุม จะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด และสิ่งที่แถลงต่อรัฐสภาในเรื่องนี้เป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ ไม่อย่างนั้นคงไม่อยากทำหรือตั้งต้นเรื่องนี้ขึ้นมา”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำ โดยระบุเจาะจงว่าต้องหันไปถามพรรคภูมิใจไทยว่าเคลียร์ปัญหาในเรื่องนี้ได้หรือยัง นายกรัฐมนตรีได้หันไมค์ไปทางนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง โดยระบุว่า “ต้องส่งไมค์ให้พรรคภูมิใจไทย”

นายอนุทิน ยิ้มและกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ โดยระบุว่าขออนุญาตไปให้สัมภาษณ์ด้านนอก ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะย้ำในตอนท้ายว่า ที่จริงเรื่องนี้ไม่มีปัญหา เพราะได้มีการหารือกับนายอนุทินแล้ว และทราบดีว่าเป็นนโยบายที่ได้แถลงต่อสภาร่วมกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *