ช็อก! หนุ่มตกปลาลุ้นเหยื่อ เจอศพลอยน้ำติดเบ็ดกลางชายหาดป้อมพระจุลฯ – พบเป็น รปภ. หายจากที่ทำงานปริศนา
สมุทรปราการ – ช็อก! หนุ่มโรงงานใช้วันหยุดขี่ จยย. ออกตกปลาบริเวณชายหาดป้อมพระจุลฯ ลุ้นดึงเบ็ดคิดว่าปลาตัวใหญ่กินเหยื่อ ก่อนตกใจสุดขีดเมื่อพบสิ่งที่ติดมาคือศพลอยน้ำของชายสวมชุด รปภ. รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบพบเป็น รปภ. ของบริษัทอู่ต่อเรือย่านพระสมุทรเจดีย์ หัวหน้างานเผยผู้ตายหายตัวไปตั้งแต่ค่ำวานนี้ คาดเสียหลักตกน้ำระหว่างเดินตรวจงานใกล้ท่าเทียบเรือ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2568 ร.ต.อ.ธงชัย ศรีสำโรง พนักงานสอบสวน สภ.พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตลอยน้ำบริเวณชายหาดป้อมพระจุลฯ หมู่ 5 ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ หลังรับแจ้ง จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นหาดทรายขนาดย่อม พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายนอนคว่ำหน้าอยู่ในน้ำ สภาพศพสวมชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทแห่งหนึ่ง สวมรองเท้าผ้าใบ แพทย์คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10-12 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบตามร่างกายเบื้องต้นไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยของการถูกทำร้ายใดๆ พบกระเป๋าสตางค์ภายในมีเงินสดจำนวน 210 บาท บัตรกดเงินสด ใบรับจำนำโทรศัพท์ และไฟฉาย 1 กระบอก นอกจากนี้ ยังพบบัตรประจำตัวประชาชนระบุชื่อ นายศิริ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ
สอบถาม นายธนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นผู้พบศพคนแรก ให้ข้อมูลว่า ตนเป็นช่างเชื่อมในโรงงานย่านเขตท่าข้าม กรุงเทพฯ วันนี้เป็นวันหยุด จึงขี่รถจักรยานยนต์ออกมาตกปลาบริเวณชายหาดป้อมพระจุลฯ ขณะที่กำลังเดินหาจุดเพื่อขว้างเบ็ด ตนสังเกตเห็นคล้ายผ้าสีฟ้าลอยติดอยู่กับเขื่อนที่พังลงไปในน้ำ จึงไม่ได้สนใจมากนัก และได้ขว้างเบ็ดออกไปบริเวณดังกล่าว ไม่นานนักก็รู้สึกว่าปลายคันเบ็ดกระตุกอย่างแรง คิดว่ามีปลาขนาดใหญ่กินเหยื่อ จึงรีบกรอสายเบ็ดเข้าฝั่ง
แต่แล้วตัวเบ็ดกลับไปติดเข้ากับผ้าสีฟ้าที่เห็นก่อนหน้านี้ ตนจึงพยายามดึงให้หลุด แต่สิ่งที่ติดมาด้วยทำให้ตนตกใจสุดขีด เพราะสิ่งที่ติดมาคือศพลอยน้ำ เมื่อตั้งสติได้จึงรีบตะโกนเรียกคนที่กำลังเดินเก็บของเก่าอยู่บริเวณใกล้เคียงให้เข้ามาช่วยดู เมื่อยืนยันว่าเป็นศพคนจริง จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยทันที
ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น ได้มี นายบัญชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี สายตรวจ รปภ. ของบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ผู้ตายทำงานอยู่ เดินทางมาที่เกิดเหตุ และยืนยันว่าผู้ตายคือนายศิริ เป็นลูกน้องตนเอง โดยผู้ตายมาทำงานเป็น รปภ. ในบริษัทอู่ต่อเรือและซ่อมเรือแห่งหนึ่งย่านพระสมุทรเจดีย์ได้ประมาณ 6-7 เดือน
นายบัญชา เผยต่อว่า นายศิริได้หายตัวไปตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา ทั้งที่ปกติจะเข้ากะมาทำงานตั้งแต่เวลา 18.00 น. และจะต้องเดินตรวจลงเวลาทุกต้นชั่วโมงตามจุดตรวจ 5 จุดในอู่เรือ พร้อมรายงานผลผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของบริษัท จากการตรวจสอบรายงานล่าสุดพบว่า เมื่อเวลา 19.00 น. ผู้ตายได้ถ่ายรูปรายงานตรวจจุดที่ 1 และเวลา 20.00 น. ได้รายงานตรวจจุดที่ 2 หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อไป
ซึ่งจุดตรวจที่ 2 เป็นพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือกับโป๊ะจอดเรือ การเดินตรวจต้องข้ามบันได และโป๊ะจะมีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีเรือวิ่งผ่าน ทำให้เกิดคลื่น นายบัญชา สันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจจะหน้ามืดหรือเสียหลักพลัดตกลงไปในน้ำก็เป็นได้ เนื่องจากปกติผู้ตายก็มีอาการเจ็บหัวเข่าอยู่หลายครั้ง ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ตนพร้อมเพื่อน รปภ. ได้ช่วยกันตามหาทั่วบริเวณอู่เรือแต่ไม่พบ จนกระทั่งมีคนโทรมาแจ้งว่าพบศพ รปภ. ลอยน้ำ จึงรีบมาดูและยืนยันว่าเป็นลูกน้องจริง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกภาพและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนมอบร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป พร้อมทั้งจะได้ประสานญาติของผู้เสียชีวิตให้เดินทางมาติดต่อขอรับศพเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป