เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 กลุ่ม 16-20 ปี จ่อเข้า ครม. 2.7 ล้านคน รมช.คลัง ยันไทม์ไลน์ พ.ค.-มิ.ย. นี้

ความคืบหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาล ล่าสุด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ระยะที่ 3 ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายใหม่ คือ ประชาชนที่มีอายุระหว่าง 16-20 ปี จำนวนประมาณ 2.7 ล้านคน ยืนยันขณะนี้เรื่องได้ถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว และคาดว่าจะสามารถดำเนินการโอนเงินได้ตามกรอบเวลาเดิม คือในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 หรือประมาณเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม โดยกล่าวถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 ผ่านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท สำหรับผู้ที่มีอายุ 16-20 ปี ซึ่งมีจำนวนผู้เข้าเกณฑ์ประมาณ 2.7 ล้านคน ว่าขณะนี้กระทรวงการคลังได้ดำเนินการยื่นเรื่องดังกล่าวต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของ ครม. แล้ว และกำลังรอการพิจารณาอนุมัติ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า การดำเนินงานโครงการทั้งหมด ยังคงเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ คือ การโอนเงินจะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน 2568 โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการแต่อย่างใด

นายจุลพันธ์ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมการด้านอื่นๆ ของโครงการด้วยว่า ขณะนี้การดำเนินการมีความคืบหน้าตามลำดับ โดยที่ผ่านมาได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพูดคุยกับสถาบันการเงินต่างๆ ที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเชื่อมต่อระบบการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งเบื้องต้นจากการหารือทุกฝ่ายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาติดขัดในการเตรียมระบบต่างๆ

เมื่อถูกถามย้ำถึงความเป็นไปได้ที่เรื่องจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในครั้งต่อไป นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณา แต่ทั้งนี้ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในการบรรจุวาระ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังมีความพร้อมและได้นำเสนอเรื่องไปแล้ว

โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่มุ่งหวังจะกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจฐานราก และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยรวม การขยายผลมาสู่กลุ่มเยาวชนอายุ 16-20 ปี ในระยะที่ 3 นี้ คาดว่าจะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มเติมในระบบเศรษฐกิจ และเป็นการสร้างโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้การใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสู่สังคมไร้เงินสดในอนาคต

ประชาชนกลุ่มเป้าหมายและผู้ที่สนใจจึงควรติดตามความคืบหน้าการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้สิทธิ์ตามโครงการต่อไป.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *