กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีที่สื่อออนไลน์นำเสนอข่าวเกี่ยวกับโครงการเรือกำจัดวัชพืชของจังหวัดลำปาง ซึ่งมีรายงานว่ายังไม่เคยถูกนำมาใช้งาน ได้ประสบเหตุจมลง ระบุเกิดจากกระแสลมแรงพัดผ่านจุดจอดเรือ พร้อมเผยเรือดังกล่าวมีข้อจำกัดในการใช้งานก่อนหน้าและอยู่ระหว่างรอการตรวจสอบอีกครั้ง คาดดำเนินการกู้เรือได้ในเดือนเมษายนปี 2568

จากกรณีที่มีสื่อออนไลน์นำเสนอข่าวเกี่ยวกับโครงการเรือกำจัดวัชพืชของจังหวัดลำปาง ที่มีการส่งมอบตั้งแต่ปลายปี 2566 แต่ยังไม่มีการนำมาใช้งานนั้น ล่าสุด กรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว

เรือลำที่ปรากฏในข่าวคือ เรือเก็บ-ย่อย และบีบอัดก้อนผักตบชวาและวัชพืชลอยน้ำ หรือชื่อรหัส RID PS NO.1 ซึ่งเป็นเรือที่กรมชลประทานได้ว่าจ้าง บริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการต่อเรือพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อนำมาใช้ในการกำจัดวัชพืชในพื้นที่รับผิดชอบของโครงการฯ

บริษัทผู้รับจ้างได้นำส่งมอบเรือลำดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าที่ของโครงการฯ แล้วเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการทดลองใช้งานเบื้องต้น พบว่าเรือมีข้อจำกัดบางประการในการทำงาน ทางโครงการฯ จึงได้แจ้งให้บริษัทผู้รับจ้างเข้ามาดำเนินการแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในระหว่างขั้นตอนการรอตรวจสอบการใช้งานอีกครั้งหลังจากได้รับการแก้ไข

ส่วนกรณีการจมของเรือนั้น ทางกรมชลประทานระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 21 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสลมกำลังแรงพัดผ่านบริเวณจุดที่จอดเรือเป็นเวลานาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ห้วยตุ้ม ใกล้ท่าแพสำเภาทอง ส่งผลให้เรือ RID PS NO.1 ลำดังกล่าวจมลงในที่สุด

ภายหลังเกิดเหตุ กรมชลประทานไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ดำเนินการแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งได้มีการเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการกู้เรือ เนื่องจากจุดที่เรือจมนั้นเป็นห้วยที่มีร่องน้ำลึกประมาณ 7 – 8 เมตร ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังและวางแผนการกู้เรืออย่างรอบคอบ

ทั้งนี้ กรมชลประทานคาดการณ์ว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าดำเนินการกู้เรือเพื่อนำขึ้นมาตรวจสอบหาสาเหตุของการจมน้ำที่แท้จริง จะอยู่ในช่วงเดือนเมษายนปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่คาดว่าระดับน้ำในห้วยบริเวณดังกล่าวจะเริ่มลดลง ทำให้การปฏิบัติการกู้เรือเป็นไปได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น

กรมชลประทานยืนยันว่ากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถนำเรือกำจัดวัชพืชลำดังกล่าวกลับมาใช้งานตามวัตถุประสงค์ของโครงการให้ได้โดยเร็วที่สุด เมื่อการกู้เรือแล้วเสร็จและมีการซ่อมแซมที่จำเป็น