ลดระดับซากอาคาร สตง. ถล่ม ถึงพื้นชั้น 1 แล้ว เร่งเคลียร์พื้นที่ พ.ค. นี้ ปรับใช้แบคโฮหัวกระแทกแทน ‘จอมมารบู’
กรุงเทพฯ – วันที่ 28 เมษายน 2568 ณ กองอำนวยการร่วม บริเวณใกล้เคียง สน.บางซื่อ และห้างสรรพสินค้า เจเจมอลล์ นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดในการปฏิบัติงานรื้อถอนและจัดการซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ที่เกิดเหตุการณ์ถล่มเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา
นายสุริยชัย กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถลดทอนความสูงของโครงสร้างอาคารส่วนที่พังถล่มลงมาได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยความสูงลดลงเหลือประมาณ 1.37 เมตร ซึ่งหากพิจารณาจากโครงสร้างด้านหน้าของอาคาร จะพบว่าระดับความสูงได้ลดลงมาเทียบเท่ากับระดับพื้นชั้น 1 แล้ว และสามารถมองเห็นผนังส่วนของชั้นใต้ดินได้
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างอาคารส่วนด้านหลังบริเวณโซน C ที่อยู่ใกล้กับอาคารจอดรถ ยังคงมีลักษณะความลาดเอียงชันอยู่ แผนการดำเนินงานหลักในวันนี้ จึงมุ่งเน้นไปที่การเร่งนำชิ้นส่วนโครงสร้างที่พังทับถมกันออกในจุดดังกล่าว ด้วยการใช้เครื่องมือแย็กปูนและตัดเหล็ก เพื่อปรับโครงสร้างบริเวณโซน C ให้มีความสมดุลกับส่วนด้านหน้า และที่สำคัญคือเพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงพื้นที่ชั้นใต้ดินได้สะดวกยิ่งขึ้น
สำหรับการปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยผู้ที่อาจติดค้างอยู่ภายใต้ซากอาคารนั้น ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (27 เม.ย. 68) เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างผู้ติดค้างออกมาได้เพิ่มเติมอีก 1 ราย จากบริเวณโซน D และยังพบชิ้นส่วนของร่างกายเพิ่มเติมอีก 5 จุด ในกองซากอาคาร รวมถึงพบชิ้นส่วนอีก 1 จุด ในกองเศษปูน
นายสุริยชัย ยอมรับว่า การปฏิบัติงานยังคงพบกับอุปสรรคและความท้าทายอยู่บ้าง ซึ่งต้องมีการปรับแผนการทำงานอยู่ตลอดเวลา เช่น การเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในบางพื้นที่ที่ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก รวมถึงการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้เหมาะสมกับระดับความสูงและลักษณะพื้นที่การทำงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันนี้ได้มีการตัดสินใจถอนการใช้รถแบคโฮ SK-1000 ซึ่งเจ้าหน้าที่เรียกกันว่า ‘จอมมารบู’ ออกจากพื้นที่ เนื่องจากสภาพโครงสร้างของซากอาคารในขณะนี้มีความสูงต่ำกว่าระดับที่เซ็นเซอร์ของเครื่องจักรดังกล่าวจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้นำรถแบคโฮที่ติดตั้งหัวกระแทก (Breaker Head) เข้ามาเสริมการทำงานแทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบดทำลายและจัดการชิ้นส่วนคอนกรีต
ตลอดระยะเวลา 30 วันที่ผ่านมา นายสุริยชัย แสดงความพอใจในผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเข้าถึงชั้นใต้ดิน เนื่องจากลักษณะของคอนกรีตบางจุดยังคงมีความสมบูรณ์แข็งแรง ในขณะที่บางจุดเป็นเศษซากที่แตกหัก ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่แตกต่างกันไป
เบื้องต้น ได้มีการกำหนดเป้าหมายการทำงานไว้ที่การเคลียร์ซากให้ได้วันละประมาณ 1 เมตร ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ตามแผน ก็จะช่วยให้งานแล้วเสร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยืนยันด้วยความมั่นใจว่า การเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้อย่างแน่นอนภายในเดือนพฤษภาคม 2568 นี้