สระบุรี – จากกรณีที่สังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปวิดีโอและข้อความที่สร้างความตื่นตระหนกอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อ้างว่ามีรถกระบะตู้ทึบพยายามลักพาตัวเด็กในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2568 เวลาประมาณบ่ายสามโมง โดยในคลิปปรากฏภาพบุคคลจากรถกระบะลงมาวิ่งไล่และเหมือนจะพยายามจับเด็กที่ปั่นจักรยานอยู่ข้างทาง ทำให้เกิดความหวาดผวาในหมู่ประชาชนว่าอาจเป็นแก๊งลักเด็กที่กำลังอาละวาดในพื้นที่

ภายหลังเกิดกระแสความกังวลและความเข้าใจผิดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งทำงานด้านการติดตามและช่วยเหลือเด็กที่หายไป ได้เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนี้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี ก็ได้เร่งดำเนินการติดตามรถกระบะคันดังกล่าวเพื่อคลี่คลายสถานการณ์

ล่าสุด ทั้งมูลนิธิกระจกเงาและเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสระบุรี ได้ออกมายืนยันตรงกันว่า ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้ "ไม่ใช่การลักพาตัวเด็ก" ตามที่มีการแชร์และเข้าใจผิดกัน

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่และมูลนิธิกระจกเงา ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนดังนี้:

1. รถกระบะตู้ทึบที่ปรากฏในคลิป เป็นของกิจการขนส่งขนมและของเล่นเด็ก ซึ่งดำเนินธุรกิจในพื้นที่จังหวัดสระบุรีและนครราชสีมา
2. บุคคลที่อยู่ในรถกระบะขณะเกิดเหตุมีทั้งหมด 3 คน เป็นลูกจ้างของกิจการดังกล่าว ประกอบด้วยชาย 2 คน และหญิง 1 คน
3. ในวันเกิดเหตุ รถกระบะคันดังกล่าวได้เดินทางมาส่งสินค้าให้กับร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ โดยได้รับการยืนยันจากทางร้านค้าว่ามีการมาส่งของและเก็บเงินจริงตามปกติ
4. เหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิป เกิดขึ้นขณะที่บุคคลในรถกระบะได้พบกับเด็กที่กำลังปั่นจักรยานอยู่ข้างถนน พวกเขาอ้างว่าได้เริ่มต้นการพูดคุยกับเด็กในเชิงหยอกล้อ โดยถามว่า "ที่นี่มีหัวเด็กขายมั้ย" ซึ่งเด็กได้ตอบกลับไปว่า "มีแต่หัวหมา" หลังจากนั้น หนึ่งในบุคคลในรถจึงได้แกล้งวิ่งไล่จับเด็กตามที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิด โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะลักพาตัวเด็กแต่อย่างใด เป็นเพียงการกระทำของผู้ใหญ่ที่แกล้งเด็กเท่านั้น
5. บุคคลทั้ง 3 ในรถกระบะ ได้อัดคลิปวิดีโอเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งกล่าวขอโทษสังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความหวาดกลัว
6. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี ได้เรียกบุคคลทั้ง 3 ในรถกระบะคันดังกล่าวเข้าให้ปากคำ เพื่อสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติมในวันนี้ (วันที่ได้รับข้อมูล) แม้จะไม่ใช่ความผิดฐานลักพาตัว แต่การกระทำดังกล่าวที่ทำให้ผู้อื่นตื่นตกใจหรือหวาดกลัวโดยไม่มีเหตุอันควร ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

สรุปเหตุการณ์ดังกล่าว จึงเป็นเพียงความเข้าใจผิดที่เกิดจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมของผู้ใหญ่ที่แกล้งหยอกเด็ก ซึ่งก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคมอย่างไม่จำเป็น และย้ำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน เพื่อป้องกันการสร้างความเข้าใจผิดและความหวาดกลัวในวงกว้าง.