‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024-25 สมัยที่ 20 – แชมป์แรกยุค อาร์เนอ ชล็อต

ลิเวอร์พูล, 27 เมษายน 2568 – “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ประจำฤดูกาล 2024-25 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่และรวดเร็ว หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดเปิดบ้านไล่ถล่มเอาชนะ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปด้วยสกอร์ขาดลอย 5-1 ในการแข่งขันที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา

ชัยชนะอันเด็ดขาดในแมตช์นี้ ทำให้ลิเวอร์พูลเก็บเพิ่มอีก 3 คะแนนสำคัญ ส่งผลให้มีคะแนนสะสมนำห่าง อาร์เซนอล ทีมอันดับสองของตาราง ถึง 15 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียง 4 นัดเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า แต้มของลิเวอร์พูลไม่สามารถถูกทีมอันดับสองแซงหน้าได้อีกต่อไป ทำให้พวกเขากลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ไปโดยปริยาย

การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญยิ่งสำหรับสโมสรลิเวอร์พูล เพราะเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้เป็นสมัยที่ 20 ในประวัติศาสตร์สโมสร ทาบสถิติของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล และยังเป็นการต่อยอดความสำเร็จหลังจากที่พวกเขาเคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ครั้งแรกในยุคปี 2020 ยุติการรอคอยอันยาวนานถึง 30 ปี

นอกจากนี้ การคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2024-25 ยังมีความหมายพิเศษอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการคว้าแชมป์แรกภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวดัตช์คนใหม่อย่าง อาร์เนอ ชล็อต ซึ่งเข้ามารับไม้ต่อจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ยอดผู้จัดการทีมชาวเยอรมันที่ประกาศอำลาทีมไปหลังจบฤดูกาลก่อน ความสำเร็จนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงฝีมือและการปรับตัวเข้ากับทีมของ ชล็อต ได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นการคุมทีมฤดูกาลแรกก็ตาม

หลังจบการแข่งขันที่แอนฟิลด์ ซึ่งเป็นสนามเหย้าของลิเวอร์พูล บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความยินดี นักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และแฟนบอล ต่างร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งนี้อย่างสุดเหวี่ยง เสียงเพลง “You’ll Never Walk Alone” ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม เป็นการยืนยันถึงความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างสโมสรและแฟนบอล

สื่อต่างประเทศชั้นนำอย่างสำนักข่าว รอยเตอร์ และ เอพี ได้เผยแพร่ภาพบรรยากาศการฉลองแชมป์อันน่าประทับใจของเหล่านักเตะ “หงส์แดง” ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและคราบน้ำตาแห่งความสุข เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา

การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2024-25 ของลิเวอร์พูล ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มเกียรติยศให้กับสโมสร แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเตะรุ่นต่อไป และยืนยันสถานะของลิเวอร์พูลในฐานะหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษและยุโรป