ทักษิณ S.T.R.: บทบาท “เสือกทุกเรื่อง” ทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ แต่ก็หนีไม่พ้นข่าวลือถูกโยงมั่ว

บทบาทของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร หลังจากเดินทางกลับประเทศไทย ยังคงเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคำประกาศที่เจ้าตัวระบุว่ามีตำแหน่งเป็น “สทร.” หรือ “เสือกทุกเรื่อง” ซึ่งหมายถึงความตั้งใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

นายทักษิณเคยกล่าวถึงบทบาท “สทร.” นี้ว่า จะทำงานร่วมกับรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อขับเคลื่อนวาระสำคัญของประเทศ เช่น การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญความท้าทาย การแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน และการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเมื่อถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทยมีการเลือกตั้งในระดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น เราอาจจะได้เห็นนายทักษิณปรากฏตัวบนเวทีเพื่อช่วยในการหาเสียงในฐานะผู้สนับสนุนหลักของพรรคอีกด้วย

ไม่เพียงแค่บทบาทภายในประเทศเท่านั้น นายทักษิณยังมีส่วนร่วมในระดับระหว่างประเทศ เมื่อได้รับแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ดาโตะห์ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ให้เป็นที่ปรึกษาของประธานอาเซียน โดยมีภารกิจสำคัญคือ การสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กับภูมิภาคอาเซียน การผลักดันให้เกิดสันติภาพในประเทศเมียนมา รวมถึงการทำงานร่วมกับมาเลเซียในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย การเคลื่อนไหวเหล่านี้ตอกย้ำว่าบทบาท “สทร.” ของนายทักษิณไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ครอบคลุมไปถึงระดับนานาชาติด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ความเป็น “สทร.” นี่เอง ที่ดูเหมือนจะเป็นดาบสองคม ทำให้นายทักษิณถูกลากโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง บางเรื่องเป็นข้อเท็จจริง แต่หลายครั้งก็เป็นเพียงข่าวลือ หรือการเชื่อมโยงแบบมั่วๆ ซึ่งสร้างความสับสนและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกสนานในสังคม

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ กรณีอุบัติเหตุรถชนที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ระหว่างลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นกับคู่กรณีสูงวัย มีการนำภาพถ่ายที่นายทักษิณเคยไปร่วมงานกับครอบครัวของนักการเมืองท้องถิ่นคนดังกล่าวมาเผยแพร่ และมีการปล่อยข่าวลือไปถึงบุคคลที่เข้ามาช่วยเหลือคู่กรณีอย่าง “กัน จอมพลัง” ทำนองว่านายใหญ่ได้สั่งการให้ถอยออกมาแล้ว และมีการจ้างมือปืนมาคุกคาม ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ “กัน จอมพลัง” ต้องออกมาโต้ตอบทันทีว่าไม่เป็นความจริง

ข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือ “กัน จอมพลัง” ยังคงให้ความช่วยเหลือคู่กรณีสูงวัยอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยไม่มีใครสั่งให้ถอย และไม่เคยมีการคุกคามถึงชีวิตแต่อย่างใด ล่าสุด นายทักษิณเองก็ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ โดยแสดงความชื่นชม “กัน จอมพลัง” และยืนยันว่าตนเองไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย พร้อมทั้งระบุว่าคนที่ปล่อยข่าวเช่นนี้เป็นคนบ้า

ในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่ในสังคมก็ไม่เชื่อข่าวลือที่ว่านายทักษิณจะเข้ามาช่วยเหลือฝ่ายลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นในคดีลักษณะนี้ ด้วยคดีที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน และละเอียดอ่อนเช่นนี้ เชื่อว่านายทักษิณเองก็มีวิจารณญาณเพียงพอที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวให้เป็นที่ครหา ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความสำคัญถึงขั้นที่นายทักษิณจะต้องเสี่ยงลงมาช่วยให้เปลืองตัวแต่อย่างใด แม้แต่ “กัน จอมพลัง” เองก็ยืนยันว่าไม่เชื่อข่าวนี้ และได้เตือนผู้ที่ปล่อยข่าวให้หยุดพฤติกรรมที่ต้องการสร้างกระแส (หิวแสง)

อีกกรณีหนึ่งที่ถูกนำไปเชื่อมโยงมั่วๆ คือ การชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ระหว่างนายพิมล ศรีวิกรม์ และนายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม ในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน มีกระแสข่าวว่านายสุชัยได้พยายามดึงชื่อนายทักษิณมาอ้างอิงเพื่อสร้างความได้เปรียบ และเมื่อนายพิมล ศรีวิกรม์ เป็นฝ่ายชนะ ก็มีการปล่อยข่าวตามมาว่านายทักษิณแสดงความไม่พอใจอย่างมาก และเตือนนายพิมลว่าการทำงานจะไม่ราบรื่น

แต่ผู้ที่ออกมาส่ายหน้ากับข่าวลือนี้มากที่สุดคือนายพิมล ศรีวิกรม์ เอง เพราะเจ้าตัวทราบดีว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริง เนื่องจากนายทักษิณมีความรู้จักมักคุ้นกับทั้งตัวนายพิมลและนายสุชัย ไม่น่าจะมีเหตุผลใดที่จะไม่พอใจผลการเลือกตั้งหรือออกมาขัดขวางการทำงานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

กรณีเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า การที่นายทักษิณประกาศตัวเป็น “สทร.” หรือผู้ที่พร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในทุกเรื่อง ทั้งในบทบาทที่ตั้งใจและบทบาทที่สังคมจับตามอง อาจทำให้ชื่อของเขาถูกนำไปเชื่อมโยงหรืออ้างอิงในเหตุการณ์ต่างๆ ได้ง่าย แม้ว่าเรื่องนั้นจะไม่มีมูลความจริงก็ตาม

บทบาท “สทร.” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงเป็นสิ่งที่นายทักษิณอาจจะต้องบริหารจัดการและควบคุมให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลดีต่อการทำงานตามที่ตั้งใจไว้ และการจะเป็น “สทร.” ที่ได้รับการยอมรับจากสังคมหรือไม่นั้น ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากการเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองนั่นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *