สกัดจับ! รวบหนุ่มไทยขนกระสุนกว่า 2,800 นัด พร้อมลูกระเบิด M79 เตรียมส่งทหารกะเหรี่ยงชายแดน

ตาก – เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดตาก ได้แก่ อำเภอแม่สอด ประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นและจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางเป็นอาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมาก ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่ากำลังเตรียมนำไปส่งให้กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงที่กำลังสู้รบกับทหารเมียนมาบริเวณชายแดน

เหตุการณ์สำคัญครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่สอด จังหวัดตาก ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการลักลอบเข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการขนย้ายสิ่งของผิดกฎหมาย บริเวณถนนสมัครสรรพการ ในเขตพื้นที่ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในพื้นที่

ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ คันหนึ่งขับเข้ามาในบริเวณจุดตรวจ และพบว่าคนขับมีท่าทีมีพิรุธและแสดงอาการไม่น่าไว้วางใจ จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจค้นอย่างละเอียด

เมื่อทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ เจ้าหน้าที่ได้พบกระเป๋าใบหนึ่งวางอยู่บริเวณด้านหน้ารถ เมื่อเปิดออกดูต้องตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ภายใน นั่นคือ เครื่องกระสุนปืนขนาด 5.56 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นกระสุนปืนมาตรฐานสำหรับปืนเล็กยาวจู่โจมที่ใช้ในทางทหาร จำนวนรวมทั้งสิ้น 2,869 นัด บรรจุอัดแน่นอยู่ในกล่องเหล็กสีเขียวจำนวน 3 กล่อง นอกจากนี้ ยังพบลูกระเบิดแบบ เอ็ม 79 (M79) ซึ่งเป็นลูกระเบิดสำหรับเครื่องยิงลูกระเบิด จำนวนอีก 3 นัด ซุกซ่อนอยู่ด้วย ถือเป็นอาวุธสงครามที่มีอานุภาพร้ายแรง

เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวคนขับรถไว้ทันที ทราบชื่อต่อมาคือ นายรุ่ง อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นชายไทย เพื่อทำการสอบสวนขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายรุ่งได้ให้การรับสารภาพแต่โดยดี โดยเปิดเผยว่า ได้รับการว่าจ้างจากชายคนหนึ่ง ซึ่งตนพบที่บริเวณบ้านหัวฝาย ในพื้นที่ตำบลพระธาตุผาแดง จังหวัดตาก ให้ทำการขนส่งเครื่องกระสุนปืนและลูกระเบิดทั้งหมดนี้ ไปส่งยังปลายทางคือบริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่บ้านเปิงเคลิ่ง ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ถูกจับกุมออกไปอีก โดยระบุว่าสิ่งของเหล่านี้เตรียมจะนำไปส่งมอบให้กับฝ่ายกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการสู้รบและปะทะอย่างหนักกับกองทัพของเมียนมาในพื้นที่แนวชายแดน แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อนที่จะไปถึงจุดนัดหมาย

การจับกุมอาวุธสงครามจำนวนมากในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ความขัดแย้งภายในประเทศเมียนมาที่ยังคงส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่ชายแดนของประเทศไทย ทั้งในด้านการลักลอบเข้าออกประเทศ การค้ามนุษย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันไม่ให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นฐานหรือทางผ่านในการสนับสนุนความขัดแย้งของประเทศเพื่อนบ้าน.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *