ไทยเดินหน้าศึกษา ‘SMR’ พลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก ทางเลือกสู้ ‘โลกเดือด’ สู่เป้า Net Zero

ในยุคที่ทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤต ‘โลกเดือด’ จากภาวะสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ทั้งอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ความเสี่ยงจากภัยพิบัติน้ำท่วมและภัยแล้ง ซึ่งล้วนมีปัจจัยหลักมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ การเร่งหาแนวทางลดการปล่อยคาร์บอนจึงเป็นความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งปล่อยมลพิษสำคัญ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ประชาคมโลก รวมถึงประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065

ภายใต้บริบทนี้ พลังงานทางเลือกที่สะอาดและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปริมาณมากอย่าง ‘พลังงานนิวเคลียร์’ จึงเริ่มถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เคยหารือกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์มากที่สุดในยุโรป โดยเฉพาะกับการไฟฟ้าฝรั่งเศส (EDF) ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานชนิดนี้ และในช่วงเดือนมิถุนายน 2567 ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ของการนำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาใช้ในประเทศไทย พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

เพื่อให้เห็นภาพรวมและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ล่าสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จึงได้ร่วมกับ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GPSC) จัดกิจกรรมนำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปศึกษาดูงาน ณ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ Cite Des Sciences Et De L’industrie (ซิเต เดส์ ซีออง เซอะ เดอ แลงดูสทรี) ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้นำเสนอองค์ความรู้ด้านการลดโลกร้อนและการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพื่อสังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างน่าสนใจ

นายสิทธิชัย เสรีส่งแสง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของการศึกษาดูงานในครั้งนี้ว่า เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าเพื่อสังคมคาร์บอนต่ำ โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของฝรั่งเศส เพื่อนำมาพิจารณาเป็นแนวทางรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่ส่งผลกระทบรุนแรงขึ้นทั่วโลก

นายสิทธิชัยกล่าวว่า ในขณะที่หลายประเทศเลือกใช้พลังงานสะอาดอย่างพลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานหลัก ประเทศไทยยังคงพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลและถ่านหิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ดังนั้น การมองหาพลังงานสะอาดสำหรับอนาคตจึงเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ไทยต้องนำมาใช้แก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ พร้อมย้ำว่า “การนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในประเทศไทยต้องมีมาตรการความปลอดภัย รวมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และศึกษาด้านอื่นๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและเป็นทางเลือกในการใช้พลังงานของประเทศไทย”

ด้าน นายพัฑฒิ บุณยสุขานนท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร และกิจการสาธารณะ GPSC ให้ความเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในไทยว่า สถานการณ์โลกร้อนที่ชัดเจนขึ้น ทำให้ทั่วโลกต้องเร่งลดการปล่อยคาร์บอนตามข้อตกลงปารีส ซึ่งไทยก็เป็นส่วนหนึ่งในการลงนามลดคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2050

ในมุมวิชาการมองว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ Small Modular Reactors (SMR) เป็นหนึ่งในทางเลือกที่มีศักยภาพสูงในการช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายลดคาร์บอนต่ำตามข้อตกลงปารีสได้ โดย SMR เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีขนาดไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ต่อยูนิต ซึ่งเล็กกว่าโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิมที่มีขนาดประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ การออกแบบที่เล็กลงนี้ช่วยให้สามารถออกแบบระบบความปลอดภัยและเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีมาตรฐานสูงได้ง่ายขึ้น รวมถึงการหาสถานที่ตั้งโครงการที่เหมาะสมก็สามารถทำได้ โดยจะมีทบวงพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (IAEA) เข้ามาตรวจสอบ

“ในส่วนของ GPSC ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และเกณฑ์ความปลอดภัย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยลงนามข้อตกลงกับบริษัท Seaborg ประเทศเดนมาร์ก เพื่อศึกษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR แต่ยังต้องพูดคุยในเรื่องเทคโนโลยี และร่วมกับกระทรวงพลังงาน” นายพัฑฒิกล่าว

นายพัฑฒิยังได้กล่าวถึงบทเรียนจากฝรั่งเศสว่า ประเทศฝรั่งเศสประสบความสำเร็จอย่างมากในการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคพลังงาน โดยมีสัดส่วนพลังงานนิวเคลียร์ที่สูงถึง 60-70% และมีการจัดการของเสียที่ดี ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน ซึ่งเป็นต้นแบบที่ดีในการศึกษา

“ส่วนของไทย จุดเริ่มต้นไม่ได้อยากให้ผลักดันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จากเทคโนโลยี แต่อยากให้มองเป็นทางเลือกในการลดคาร์บอน และต้องมีความพร้อมระเบียบการใช้ในไทย โดยคาดว่าแผนที่จะนำมาใช้ได้อาจจะภายใน 6-7 ปีข้างหน้านี้” นายพัฑฒิกล่าว

เขายังได้อธิบายถึงเทคโนโลยี SMR ยุคใหม่ หรือ Gen 4 ว่ามีการพัฒนาที่ชัดเจนกว่ารุ่นดั้งเดิมมาก ทั้งในด้านขนาดที่เล็กลง ติดตั้งง่าย ใช้พื้นที่น้อย และที่สำคัญคือความปลอดภัยที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการออกแบบให้มีมาตรการความปลอดภัยแบบเข้มงวด มีระบบความปลอดภัยแบบอัตโนมัติที่สามารถทำให้เครื่องปฏิกรณ์หยุดทำงานได้อย่างปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินโดยไม่ต้องอาศัยการจัดการของมนุษย์ อีกทั้งยังมีการพัฒนาการใช้สารหล่อเย็นขั้นสูง เช่น เกลือหลอมเหลว เพื่อลดความเสี่ยงจากการหลอมละลายและการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี

ด้วยเทคโนโลยี Gen 4 ของ SMR ทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเช่นเดียวกับกรณีเชอร์โนบิล หรือฟุกุชิมะ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่ง SMR นี้ตอบโจทย์พลังงานสะอาดแห่งอนาคตที่ช่วยให้เข้าใกล้เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างแท้จริง

ปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลกหลายแห่งกำลังหันมาใช้ SMR เป็นแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อน Data Center เนื่องจากต้องการพลังงานสะอาด 100% ที่มีความเสถียร สามารถจ่ายพลังงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง การนำ SMR มาใช้งานจึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานของประเทศไทยสู่อนาคตพลังงานที่มั่นคง สะอาด และยั่งยืนในระดับสากล

นายพัฑฒิระบุว่า GPSC กำลังเร่งศึกษาความเป็นไปได้ของ SMR อย่างจริงจัง ในฐานะเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่มีความเสถียร ปลอดภัย และคุ้มค่า ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมได้หลากหลาย เช่น เป็นแหล่งพลังงานสำหรับผลิตไฟฟ้า ไอน้ำ ความร้อน หรือไฮโดรเจน สนับสนุนกระบวนการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) และที่สำคัญคือสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีเสถียรภาพตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ปล่อยคาร์บอน

SMR จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ไทยต้องศึกษาอย่างรอบด้าน เพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนพลังงานแห่งชาติ ในการก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและบรรลุเป้าหมาย Net Zero ร่วมกับประชาคมโลกอย่างแท้จริง

โดย นนทวรรณ มนตรี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *