หนุ่มโรงงานขับเก๋งเสยท้ายรถพ่วงเต็มแรง! กระเด็นตกป่าหญ้า สาหัสติดคาซาก

ฉะเชิงเทรา – เกิดอุบัติเหตุสุดสลดบนถนนบางควาย จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อรถเก๋งของหนุ่มโรงงานวัย 30 ปี พุ่งชนท้ายรถพ่วง 22 ล้อที่จอดอยู่ข้างทางอย่างรุนแรง จนรถเก๋งกระเด็นตกไปในป่าหญ้าข้างทาง คนขับบาดเจ็บสาหัสติดคาซาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งเข้าช่วยเหลือ ด้านคนขับรถพ่วงอ้างรถน้ำมันหมดจึงจอดรอเติม

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 26 เมษายน 2568 พ.ต.ท.สมศักดิ์ ปวงสุข สารวัตร(สอบสวน) สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งชนท้ายรถพ่วง ทำให้มีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในรถ บนถนนบางควาย หมู่ 4 ต.หนองจอก อ.บางปะกง หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย รถกู้ชีพบางปะกง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา

ในที่เกิดเหตุพบรถพ่วง 22 ล้อ หมายเลขทะเบียน 72-7633 สมุทรปราการ จอดอยู่บริเวณริมถนน ตรวจสอบพบว่ายางล้อหลังด้านขวามีสภาพระเบิด และส่วนท้ายพ่วงมีร่องรอยถูกเฉี่ยวชนอย่างชัดเจน

ห่างออกไปในป่าหญ้าข้างถนน เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ นิสสัน สีแดง หมายเลขทะเบียน ชง 8427 กรุงเทพมหานคร ในสภาพพังยับเยินทั้งคัน ภายในซากรถพบชายคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัสติดคาซากรถ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทราต้องใช้เครื่องมือตัดถ่างเข้าให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน ใช้เวลาไม่นานก็สามารถนำตัวผู้บาดเจ็บออกมาได้ ทราบชื่อต่อมาคือนายสันติ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นหนุ่มโรงงานในพื้นที่ เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาอย่างเร่งด่วนต่อไป

จากการสอบสวนคนขับรถพ่วง ให้การว่า ตนเองกำลังขับรถเข้าบริษัทเพื่อไปรับสินค้า โดยขับตามสัญญาณ GPS แต่สัญญาณนำทางได้พาอ้อมโรงงานไปอีกทาง ทำให้ระหว่างทางน้ำมันรถหมด จึงจอดรถอยู่บริเวณริมถนน และได้โทรศัพท์หาเพื่อนร่วมอาชีพให้นำน้ำมันมาให้ โดยอ้างว่าได้เปิดสัญญาณไฟกะพริบฉุกเฉิน และได้วางแกลลอนน้ำมันไว้ที่ท้ายรถพ่วงเพื่อเป็นสัญญาณแล้ว

คนขับรถพ่วงเล่าต่อว่า ขณะที่ตนเองกำลังกลับมาถึงที่รถพร้อมน้ำมัน และกำลังจะทำการเติมน้ำมัน ก็ได้เห็นรถกู้ภัยเปิดสัญญาณไฟมาจอด จึงเพิ่งรู้ว่ามีรถยนต์เก๋งวิ่งมาชนท้ายรถพ่วงของตนเองอย่างรุนแรง จนรถเก๋งกระเด็นตกลงไปในป่าหญ้าข้างทาง

เบื้องต้น พ.ต.ท.สมศักดิ์ ปวงสุข สารวัตร(สอบสวน) สภ.บางปะกง ได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุและสอบปากคำคนขับรถพ่วงไว้เป็นหลักฐาน และจะเร่งสอบสวนพยานแวดล้อม รวมถึงตรวจสอบหลักฐานอื่นๆ ในที่เกิดเหตุและสภาพรถทั้งสองคันอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *