“เฉลิมชัย” เคลียร์ดราม่าเงินอุทยาน ยันไม่โกง เตรียมใช้ E-Ticket เดือนหน้า ชี้รายได้พุ่ง 4-5 พันล้าน พร้อมเพิ่มสวัสดิการ จนท. เป็นล้าน

“เฉลิมชัย” เคลียร์ดราม่าเงินอุทยาน ยันไม่โกง เตรียมใช้ E-Ticket เดือนหน้า ชี้รายได้พุ่ง 4-5 พันล้าน พร้อมเพิ่มสวัสดิการ จนท. เป็นล้าน

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงกรณีข้อครหาเกี่ยวกับการทุจริตเงินค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ ยืนยันเงินทุกบาทมีหลักเกณฑ์การใช้ ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัว พร้อมประกาศแผนนำระบบ E-Ticket มาใช้ในเดือนหน้า เพื่อป้องกันการทุจริตและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ คาดการณ์รายได้พุ่งสูงถึง 4-5 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งจะนำไปพัฒนาอุทยานฯ และเพิ่มสวัสดิการให้เจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากหลักแสนเป็นหลักล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ นายเฉลิมชัย ได้กล่าวในระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ของพรรคประชาธิปัตย์ ถึงผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนที่เข้ามารับตำแหน่ง รมว.ทส. โดยได้ให้นโยบายสำคัญแก่ข้าราชการคือการลดความล่าช้าในการดำเนินงาน เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนและงบประมาณตกหล่น โดยเฉพาะในเรื่องการขอใช้พื้นที่เขตป่าสำหรับการสาธารณูปโภค

สำหรับประเด็นของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่เป็นกันชนระหว่างประชาชนกับภาครัฐ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญกับกรมนี้เป็นลำดับต้นๆ เนื่องจากต้องร่วมกับกรมป่าไม้ในการจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชน และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยผลการจัดเก็บรายได้ค่าเข้าอุทยานฯ ในปีงบประมาณ 2568 คาดการณ์ไว้ที่ 2,200 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วที่เก็บได้ 1,600-1,700 ล้านบาท

นายเฉลิมชัย ชี้แจงข้อสงสัยเรื่องการทุจริตเงินค่าเข้าอุทยานฯ ว่า การจัดเก็บรายได้มีหลักเกณฑ์ในการใช้ โดยจาก 2,200 ล้านบาท จะสามารถนำมาใช้จ่ายได้เพียง 600 กว่าล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำไปเป็นสวัสดิการ ส่งคืนอุทยานฯ เพื่อนำไปปรับปรุงและจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ

รัฐมนตรี ทส. ย้ำว่า ในเดือนหน้าจะมีการลงนามในเรื่องของการใช้ระบบ E-Ticket และ E-Service ซึ่งจะเป็นระบบป้องกันการทุจริตที่ดีที่สุด โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 38 ล้านบาท และจากกรมอุทยานฯ อีกส่วนหนึ่ง แม้ระบบใหม่อาจไม่ถูกใจเจ้าหน้าที่บางคน แต่เชื่อมั่นว่าระบบนี้จะช่วยให้รายได้เข้ากรมอุทยานฯ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล คาดว่าจะมีรายรับเข้ามาราวๆ 4-5 พันล้านบาท ซึ่งส่วนนี้จะนำไปดูแลสวัสดิการและปรับปรุงยกระดับอุทยานทั้ง 150 แห่งทั่วประเทศ ยืนยันชัดเจนว่า ไม่มีใครที่จะไปโกงกินเงินส่วนนี้ได้ และตนเองก็ไม่มีแนวคิดที่จะทำเช่นนั้น มีแต่จะยกระดับอุทยานฯ ให้รองรับนักท่องเที่ยวและแข่งขันกับภาคส่วนอื่นได้

นอกจากนี้ นายเฉลิมชัย ยังกล่าวถึงการปรับปรุงสวัสดิการของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ จำนวนหมื่นกว่าคน ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสี่ยง โดยปัจจุบันได้รับค่าชดเชยเมื่อเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ 5 แสนบาท และบาดเจ็บสาหัส 1.5 แสนบาท แต่ในเดือนหน้าจะมีการประกาศเพิ่มสวัสดิการ โดยกรณีเสียชีวิต จะเพิ่มจาก 5 แสนบาท เป็น 1 ล้านบาท กรณีทุพพลภาพหรือสูญเสียอวัยวะ จะเพิ่มจาก 3 แสนบาท เป็น 1 ล้านบาท และบาดเจ็บสาหัส (มีเอกสารรับรองทางการแพทย์) จะเพิ่มจาก 1.5 แสนบาท เป็น 5 แสนบาท

มาตรการอื่นๆ ที่จะดำเนินการคือ การพัฒนาอารยสถาปัตย์ (Universal Design) ในทุกอุทยานฯ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการ และการจัดให้นักท่องเที่ยวทุกคน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้รับการประกันภัยเมื่อเข้ามาเที่ยวอุทยานฯ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความจำเป็นในการจัดหาเรือตรวจการณ์สำหรับอุทยานทางทะเล โดยเฉพาะฝั่งอันดามัน ซึ่งทำรายได้สูง โดยได้มีการรับมอบเรือที่ทำสัญญาไว้ก่อนตนเข้ามารับตำแหน่ง 1 ลำ แต่ตกใจกับงบประมาณ 26 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ได้รับคำแนะนำจากหน่วยงานตรวจสอบให้มีการตรวจสอบสวัสดิภาพเรือที่มีอายุกว่าสิบปีเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

นายเฉลิมชัย กล่าวทิ้งท้าย ยืนยันหนักแน่นว่า เงินรายได้ของอุทยานฯ จะนำมายกระดับ พัฒนา และดูแลสวัสดิการ ไม่ได้เอามาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ตนไม่ทำชั่ว ไม่เลว ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน แม้บางครั้งจะมีกระแสสังคมนำไปพูด ซึ่งตนไม่ได้โต้เถียง แต่ขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนและสมาชิกพรรคเข้าใจว่าตนเข้ามาทำงานอย่างไร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *