กรุงเทพฯ – นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ ป๊อป สุริยา สุริยา เยาวสังข์ กลับมาพร้อมความมุ่งมั่นอีกครั้ง หลังจากโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องก่อนต้องพับเก็บไปอย่างน่าเสียดายจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุด เจ้าตัวได้เปิดเผยถึงแผนงานใหม่ที่กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ ด้วยโปรเจกต์ภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงอันน่าขนลุกเมื่อ 50 ปีก่อน โดยหวังว่าจะหาแหล่งทุนเพื่อผลักดันให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในนามบริษัทของตัวเองให้ได้

ป๊อป สุริยา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวข่าวสดบันเทิงถึงความคืบหน้าและแผนงานในปัจจุบัน โดยยอมรับว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเตรียมการสำหรับโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เขาจะลงมือกำกับเอง โปรเจกต์นี้ถูกวางไว้ในระดับกลาง แต่ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูงถึงหลายล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพูดคุยเพื่อหาแหล่งทุนกับค่ายหนังต่างๆ และนำเสนอโครงการในนามบริษัทของตัวเอง เพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงได้ เพราะทุนส่วนตัวไม่สามารถแบกรับได้ทั้งหมด

สำหรับเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ ป๊อป สุริยา เล่าว่า เป็นหนังแนวสยองขวัญที่มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน เป็นเรื่องราวสุดหลอนของผู้หญิงคนหนึ่งที่ประสบเหตุการณ์แปลกประหลาดจนถูกเรียกว่า “ตายสองครั้ง” ในขณะที่เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด เรื่องราวนี้ถูกถ่ายทอดมาจากประสบการณ์ตรงในวัยเด็กของดารารุ่นใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเคยมีความตั้งใจจะนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วยตนเอง แต่ติดภารกิจมาโดยตลอด จึงอนุญาตให้ ป๊อป สุริยา นำมาเล่าต่อได้ โดยมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางส่วน โดยเฉพาะสิ่งที่ตัวละครตามหา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบกับครอบครัวของเจ้าของเรื่องตัวจริง ซึ่งปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่

ป๊อป สุริยา อธิบายถึงแนวทางของหนังเรื่องนี้ว่า จะเป็นแนวผีแบบเต็มตัว (ผีจ๋า) เน้นบรรยากาศความหลอนตลอดทั้งเรื่อง แทบไม่มีช่วงให้คนดูได้พักหายใจ บทภาพยนตร์เขียนขึ้นมาอย่างเข้มข้น โดยอิงจากความน่ากลัวของเรื่องจริงที่เล่าขานต่อกันมา การคัดเลือกนักแสดงจะไม่ได้เน้นดาราดังระดับซูเปอร์สตาร์ แต่จะเลือกนักแสดงที่มีฝีมือการแสดงดีและพอมีชื่อเสียงในวงการมาร่วมงาน

ย้อนกลับไปถึงโปรเจกต์ก่อนหน้าที่ต้องยุติลงอย่างกะทันหัน ป๊อป สุริยา เล่าว่า ภาพยนตร์เรื่องนั้นชื่อ “พ่อกับฉันเป็นเพื่อนกัน” ได้เปิดกล้องและถ่ายทำไปแล้วประมาณ 7-8 คิว แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 รุนแรงขึ้น นักลงทุนหลักก็ตัดสินใจถอนตัวทันที ทำให้โปรเจกต์ทั้งหมดต้องพับไป สร้างความเสียหายเป็นเงินจำนวนมากถึง 3-4 ล้านบาท เพราะมีการลงทุนไปกับฉากใหญ่หลายฉาก ตั้งแต่ซีนแรกที่ต้องใช้นักแสดงประกอบ (เอ็กซ์ตร้า) ถึง 300 คน พร้อมวงดนตรีเดินนำ

ปัญหาที่ตามมาคือ เมื่อแหล่งทุนมีปัญหา ทางทีมงานจำนวนมากเข้าใจผิด คิดว่าเขาซึ่งเป็นผู้กำกับเป็นฝ่ายโกงเงิน ทั้งที่จริงแล้ว ป๊อป สุริยา เป็นเพียงผู้รับจ้างกำกับเท่านั้น ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนของบริษัท สุดท้ายเขาต้องลงมาช่วยชี้แจงและเคลียร์ปัญหาด้วยตัวเอง บางส่วนถึงขั้นไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายทุนในข้อหาฉ้อโกง เพราะไม่ได้รับค่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นค่ากล้อง ค่าไฟ ค่าทีมงาน หรือค่าโลเกชั่น ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้รับเงินเช่นกัน

ป๊อป สุริยา ยืนยันว่า โปรเจกต์ “พ่อกับฉันเป็นเพื่อนกัน” เป็นงานที่ดีมาก และยังได้นักแสดงระดับตำนานอย่าง แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี มาร่วมแสดงคู่กับ บี วรรณิศา ศรีวิเชียร ซึ่งเป็นการกลับมาเจอกันของทั้งคู่หลังจากห่างหายไปนาน พี่แซมเองก็ตอบรับและตกลงร่วมงานเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อทุกอย่างล่มสลาย โปรเจกต์นี้ก็ต้องจบลงไปด้วย

แม้จะมีฟุตเทจจากการถ่ายทำเดิมอยู่ทั้งหมด แต่ ป๊อป สุริยา ก็ยอมรับว่าการจะปัดฝุ่นนำกลับมาทำต่อเป็นเรื่องยาก เนื่องจากเวลาผ่านไปหลายปี นักแสดงหลายคนมีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปตามวัย รวมถึงพี่แซม ยุรนันท์ ก็อาจจะไม่สะดวกใจที่จะกลับมาแสดงในบทบาทเดิมอีกแล้ว ทำให้ยังไม่แน่ใจว่าจะจัดการกับโปรเจกต์เก่าอย่างไรดีในอนาคต จึงต้องหันมาทุ่มเทและลุ้นไปกับโปรเจกต์ภาพยนตร์ผีเรื่องใหม่นี้แทน