สธ. โดย กรมควบคุมโรค เดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกัน “ฝีดาษวานร” (Mpox) ให้บุคลากรการแพทย์ด่านหน้า ครั้งแรกในไทย มุ่งสกัดโรคต่อเนื่อง
กรมควบคุมโรค หนุนวัคซีน Mpox ให้ บุคลากรแพทย์-สาธารณสุข สกัด “ฝีดาษวานร” ครั้งแรกในไทย ย้ำดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคต่อเนื่อง
25 เมษายน 2568 – ที่สถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานร หรือ Mpox ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สาธารณสุขของประเทศไทย
อธิบดีกรมควบคุมโรคเปิดเผยว่า กรมควบคุมโรคได้รับการสนับสนุนวัคซีน Mpox ยี่ห้อ JYNNEOS ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพจากประเทศเดนมาร์ก จำนวนทั้งสิ้น 2,220 ขวด การได้รับวัคซีนครั้งนี้ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรคฝีดาษวานร โดยวัคซีน JYNNEOS มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 80 – 85 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของบุคลากรด่านหน้าที่ต้องสัมผัสกับผู้ป่วย
สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน (วันที่ 25 เมษายน 2568) มีรายงานผู้ป่วยสะสมรวม 877 ราย แบ่งเป็นคนไทย 781 ราย ชาวต่างชาติ 98 ราย และไม่ระบุสัญชาติ 4 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชายถึง 852 คน ในขณะที่เป็นเพศหญิง 25 คน และพบมากที่สุดในกลุ่มอายุระหว่าง 30 – 39 ปี คิดเป็นร้อยละ 42.76 ของผู้ป่วยทั้งหมด
ที่น่าเศร้าคือ มีผู้เสียชีวิตจากโรคฝีดาษวานรแล้ว 13 ราย อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 นี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 11 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มการระบาดที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2565 แต่ถึงแม้สถานการณ์จะดีขึ้น กรมควบคุมโรคยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคฝีดาษวานรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โรคไม่กลับมาระบาดรุนแรงอีกครั้ง
การฉีดวัคซีน Mpox ในครั้งนี้ มีการกำหนดเป้าหมายหลัก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 เป็นการใช้วัคซีนก่อนการสัมผัสโรค (Pre-exposure Prophylaxis – PrEP) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดโรคโดยธรรมชาติของงาน เช่น บุคลากรที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย Mpox เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการที่ทำงานกับเชื้อ Mpox เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรค และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสผู้ป่วย
กลุ่มที่ 2 คือการให้วัคซีนหลังการสัมผัสโรค (Post-exposure Prophylaxis – PEP) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความรุนแรงของโรค หรือป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย Mpox ที่ได้รับการยืนยันผล ภายใน 4 วันหลังจากการสัมผัสครั้งแรก ตามข้อมูลที่ได้จากการสอบสวนโรค หรือในกรณีที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานโดยไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม
ในระยะแรกของการดำเนินงาน กรมควบคุมโรคได้สนับสนุนวัคซีนให้กับหน่วยบริการทางการแพทย์ที่มีผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร และมีระบบส่งต่อผู้ป่วยรวม 24 แห่ง ครอบคลุมทั้งหน่วยบริการภาครัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ภาครัฐนอกสังกัด สธ. ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน โดยมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจำนวน 524 ราย ที่แสดงความประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีนจากการสำรวจที่ผ่านมา ได้รับการจัดสรรวัคซีนในครั้งนี้
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานรให้กับบุคลากรด่านหน้าในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสุขภาพให้กับระบบสาธารณสุขไทย ทำให้การดำเนินงานด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม และดูแลรักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคฝีดาษวานร สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422