ไนโรบี, เคนยา – รายงานข่าวจากประเทศเคนยา สร้างความตกใจและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเด็กหญิงวัย 14 ปี ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าหลังจากถูกสิงโตโจมตี ขณะกำลังเดินทางกลับบ้านในย่านชานกรุงไนโรบี

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา เด็กหญิงพีซ เวนเด (Peace Mwende) และเพื่อนอีกคนกำลังเดินกลับบ้านพักในย่านรองไก (Rongai) ซึ่งเป็นชุมชนแออัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับแนวเขตของอุทยานแห่งชาติไนโรบี (Nairobi National Park)

ตามรายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า ระหว่างที่ทั้งสองคนเดินผ่านริมแนวเขตอุทยานฯ จู่ๆ สิงโตตัวหนึ่งก็กระโจนเข้าใส่เด็กหญิงพีซและลากตัวเธอเข้าไปในป่า ต่อหน้าต่อตาเพื่อนที่อยู่ในอาการตกตะลึงและไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ทัน

แม้เจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติไนโรบีจะเดินทางมาถึงในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กหญิงไว้ได้ เนื่องจากเธอถูกสิงโตทำร้ายจนเสียชีวิตไปแล้ว และพบเพียงร่างที่ถูกทำร้ายอย่างหนัก

ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าเชื่อว่า สิงโตที่ก่อเหตุเป็นสิงโตวัยรุ่นที่อาจหลงออกมาจากพื้นที่อุทยานฯ เพื่อออกหาเหยื่อในบริเวณใกล้เคียงกับชุมชนที่เด็กหญิงพีซอาศัยอยู่ สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเสี่ยงเช่นนี้ มาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของชุมชนรองไก ซึ่งทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์เข้าไปใกล้กับแนวเขตอุทยานแห่งชาติมากขึ้นเรื่อยๆ

เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้มีการสร้างรั้วกั้นสามด้านเพื่อป้องกันสัตว์ป่าไม่ให้เข้าใกล้พื้นที่เมืองหลวงอย่างกรุงไนโรบี ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงประมาณ 9.6 กิโลเมตร แต่ได้เปิดทางด้านหนึ่งไว้เพื่อให้สัตว์ป่าสามารถอพยพเคลื่อนย้ายได้ตามธรรมชาติ ขณะนี้เจ้าหน้าที่หน่วยบริการสัตว์ป่าเคนยากำลังเร่งติดตามหาสิงโตตัวที่ก่อเหตุร้ายนี้

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของความขัดแย้งระหว่างการขยายตัวของชุมชนมนุษย์กับการอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ติดกับเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์อันตรายที่ส่งผลกระทบต่อทั้งชีวิตของมนุษย์และสัตว์ป่า

ในอีกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงจากสัตว์ป่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 เคยเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญจากจระเข้ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติครูเกอร์ (Kruger National Park) โดยนายมาร์ก มอนต์โกเมอรี (Mark Montgomery) มัคคุเทศก์วัย 52 ปี ถูกจระเข้ขนาดใหญ่เกือบ 4 เมตร พุ่งเข้าโจมตีขณะไปตักน้ำ

นายมอนต์โกเมอรีเล่าถึงนาทีชีวิตว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เขารู้สึกว่าถูกงับด้วยขากรรไกรอันแข็งแรงและถูกลากลงน้ำ โชคดีที่เขายังมีสติ ดึงมือออกจากปากจระเข้ได้ทัน และพยายามดิ้นรนต่อสู้โดยใช้แขนรัดคอ จิ้มตา และง้างปากสัตว์ร้ายเพื่อเอาตัวรอด ก่อนจะสามารถถีบตัวขึ้นจากน้ำได้อย่างหวุดหวิด เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงอันตรายจากสัตว์ป่าที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ตาม

เหตุการณ์สิงโตทำร้ายเด็กหญิงที่เคนยาครั้งนี้ เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหามาตรการที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อจัดการกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีชุมชนเมืองขยายตัวเข้าใกล้เขตที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต