นายกฯ สั่งด่วน! แก้เกณฑ์เยียวยาแผ่นดินไหว – เร่งสอบ ตึก สตง.ถล่ม คาใจความไม่โปร่งใส
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่ออาคารบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีข้อร้องเรียนตามมาถึงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาค่าเสียหายของกรมบัญชีกลาง ที่หลายฝ่ายมองว่าไม่สอดคล้องกับสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
ล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมบัญชีกลาง, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.), กรมโยธาธิการและผังเมือง (โยธาฯ) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) เร่งหารือและหาแนวทางในการปรับแก้ไขระเบียบหรือหลักเกณฑ์การเยียวยาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับความเป็นจริงของความเสียหายที่เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การเยียวยาจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับเงินค่าสินไหมทดแทนที่อาคารเหล่านั้นได้รับจากบริษัทประกันภัยไปแล้ว เพื่อนำมาใช้ซ่อมแซมความเสียหาย
ในอีกประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือกรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มลงมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ในการส่งมอบเอกสารและข้อมูลต่างๆ เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สตง. ซึ่งถูกมองว่าเป็น ‘ต้นน้ำ’ ของข้อมูลทั้งหมด นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือให้ส่งมอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงรายงานผลการตรวจสอบภายในของคณะกรรมการที่ สตง. ตั้งขึ้น ซึ่งพบว่ามีผู้รับจ้างผิดสัญญาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้มีการยกเลิกสัญญาตามระเบียบ
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งถึงกรมอุตุนิยมวิทยาและกรมทรัพยากรธรณี ให้เร่งส่งรายงานผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยด่วน เพื่อใช้ประกอบการสอบสวน
ในส่วนของกรมบัญชีกลาง ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างและควบคุมคุณภาพวัสดุก่อสร้าง ก็ได้รับมอบหมายให้ร่วมมือตรวจสอบประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงอำนาจในการบอกเลิกสัญญากับบริษัทที่ทำผิดระเบียบ
กรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ร่วมในการตรวจรับการออกแบบและการก่อสร้างอาคาร ก็ต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการให้ข้อมูล
กระทรวงอุตสาหกรรมและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) ได้รับคำสั่งให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่อาจผิดกฎหมายในลักษณะนอมินี รวมถึงปัญหาการฮั้วประมูล
เหตุการณ์ตึก สตง. ถล่มครั้งนี้ ได้เปิดเผยให้เห็นถึงปัญหาความไม่โปร่งใสที่อาจซุกซ่อนอยู่มากมาย เช่น ประเด็นบริษัทก่อสร้างชาวจีนที่อาจใช้คนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี), การใช้เหล็กที่อาจไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ, ปัญหาการก่อสร้างที่ล่าช้ากว่ากำหนด, การลดสเป๊กหรือแก้ไขแบบก่อสร้างโดยไม่ถูกต้อง และการสวมชื่อวิศวกรในการดำเนินงาน
แม้เหตุการณ์จะผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้ว แต่สังคมยังคงคาใจและต้องการคำตอบ นายกรัฐมนตรีจึงได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการ และร่วมกันหาคำตอบที่ชัดเจนและโปร่งใสให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะ สตง. ที่ต้องแสดงความจริงใจในการเปิดเผยข้อมูล เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยและสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา