พลัดพราก 22 ปี! พ่อจีนตามหาลูกชายจนเจอ แต่สุดท้ายถูกลูกตัดขาด หลังเลือกครอบครัวบุญธรรม
เรื่องราวสุดสะเทือนใจจากประเทศจีน ได้กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ เมื่อพ่อผู้ให้กำเนิดรายหนึ่ง ต้องเผชิญกับความจริงอันเจ็บปวด หลังใช้เวลากว่าสองทศวรรษตามหาลูกชายที่พลัดพรากไป แต่เมื่อได้พบกันอีกครั้ง กลับต้องถูกลูกชายตัดขาดการติดต่อ.
เว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานถึงชีวิตของ นายเล่ย วู่เซอ วัย 55 ปี และภรรยา ที่เคยใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างมีความสุข ณ สถานีขนส่งสินค้าในมณฑลหูหนาน ทางตอนกลางของจีน จนกระทั่งโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นในปี 2544 เมื่อลูกชายวัยเพียง 3 ขวบของพวกเขา นามว่า ชวนชวน ถูกลักพาตัวไปขณะเดินทางกับเพื่อนบ้าน.
นับตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป พวกเขาเริ่มต้นออกเดินทางตามหาลูกชายไปทั่วประเทศจีนเป็นเวลานานกว่า 22 ปี การตามหาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 300 นาย มีสมุดบันทึกที่เต็มไปด้วยเบาะแสกว่า 2,000 เล่ม และต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลไปกับการเดินทางและการสืบหาข้อมูล ซึ่งมีรายงานว่า พวกเขาหมดเงินไปมากกว่า 1 ล้านหยวน (ประมาณ 5 ล้านบาท) เพื่อภารกิจครั้งนี้ เรื่องราวการตามหาลูกของพวกเขายังถูกนำไปสร้างเป็นสารคดีในประเทศจีนอีกด้วย.
ความหวังกลับมาอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2566 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเซินเจิ้น พบเบาะแสที่เชื่อว่าเป็น ชวนชวน ลูกชายของนายเล่ย ซึ่งปัจจุบันเขาทำงานด้านการตลาด ผู้เป็นพ่อดีใจมากและวางแผนที่จะต้อนรับการกลับมาของลูกชาย แต่แผนต้องชะงักเมื่อลูกชายแสดงความไม่ประสงค์จะปรากฏตัวต่อสาธารณะ.
ในที่สุด นายเล่ยและภรรยาจึงตัดสินใจเดินทางไปยังเซินเจิ้นเพื่อพบกับลูกชายเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี การพบกันเกิดขึ้นที่สถานีตำรวจ อย่างไรก็ตาม ชวนชวน ยังคงยืนยันที่จะไม่ย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัวผู้ให้กำเนิด แต่ถึงอย่างนั้น นายเล่ยก็ยังคงมีความหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกชายขึ้นมาใหม่.
นายเล่ยได้แบ่งปันเรื่องราวผ่านโซเชียลมีเดียว่า ครอบครัวบุญธรรมของ ชวนชวน เป็นครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและดูแลลูกชายของเขาเป็นอย่างดี ทำให้เขาเข้าใจว่า ลูกชายอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับครอบครัวทางสายเลือดอีกครั้ง หลังจากที่พลัดพรากกันไปนานกว่าสองทศวรรษ.
ในช่วงแรก ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกดูเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี พวกเขาติดต่อกันผ่านช่องทางออนไลน์ มีการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอย่างสม่ำเสมอ แต่นายเล่ยรู้สึกได้ว่าการตอบสนองของลูกชายนั้นค่อนข้างส่งๆ ไม่ได้แสดงความใส่ใจมากนัก ประกอบกับความพยายามของผู้เป็นพ่อที่ชวนให้ลูกชายกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน ก็ได้รับการปฏิเสธมาโดยตลอด โดย ชวนชวน ให้เหตุผลว่าบ้านของพ่ออยู่ห่างไกลจากที่ทำงานของเขา.
นายเล่ยเริ่มรู้สึกผิดหวังมากขึ้นเมื่อลูกชายไม่ได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใยครอบครัวทางสายเลือดเลย แม้แต่น้องสาวจะป่วย หรือตัวนายเล่ยเองเพิ่งเข้ารับการผ่าตัด ลูกชายก็ยังคงนิ่งเฉย ด้วยความน้อยใจและคับข้องใจ ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินใจถามคำถามที่บาดลึกหัวใจลูกชายไปว่า “ลูกหลงใหลในความร่ำรวยของพ่อแม่บุญธรรม และให้ความสำคัญพวกเขามากกว่าครอบครัวตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ” หลังจากคำถามนั้น นายเล่ยก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากลูกชายอีกเลย.
ภายหลังตรวจสอบ พบว่า ชวนชวน ได้ทำการบล็อกช่องทางการสื่อสารทั้งหมดของนายเล่ยบนโซเชียลมีเดีย ทำให้ความหวังสุดท้ายที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับลูกชายต้องพังทลายลง.
เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตบางส่วนเห็นอกเห็นใจนายเล่ยที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดหลังการตามหาอันยาวนาน แต่บางส่วนก็แสดงความเห็นในมุมมองของลูกชาย โดยระบุว่า “จากมุมมองของลูกชาย หลังจากผ่านไป 20 ปี จู่ๆ ก็มี ‘คนแปลกหน้า’ คนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นพ่อแท้ๆ ของคุณ มันน่ากลัวมาก แทบจะเหมือนกับการลักพาตัวทางศีลธรรมเลยทีเดียว” และ “ความรักที่แท้จริงคือความเคารพความปรารถนาของลูกอย่างเต็มที่” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในกรณีพิเศษเช่นนี้.