ทรัมป์-แวนซ์ ประสานเสียงเดือด! โจมตีเซเลนสกี “ไม่ยอมรับไครเมีย” ขู่ถอนข้อเสนอสันติภาพ ชี้เป็นอุปสรรค

วอชิงตัน ดี.ซี. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาโจมตีประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน อีกครั้งในวันพุธที่ 24 เมษายน หลังผู้นำยูเครนยืนกรานไม่ยอมรับการยึดครองสาธารณรัฐไครเมียของรัสเซีย โดยนายทรัมป์ชี้ว่าท่าทีดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุข้อตกลงสันติภาพในสงครามยูเครน

นายเจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ร่วมตอกย้ำท่าทีดังกล่าว โดยกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่รัสเซียและยูเครนจะต้องตกลงตามข้อเสนอสันติภาพของสหรัฐที่เสนอไว้ มิฉะนั้นสหรัฐอาจพิจารณาถอนตัวออกจากกระบวนการนี้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำคำเตือนของนายทรัมป์เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นายแวนซ์ได้เปิดเผยรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับข้อเสนอสันติภาพดังกล่าว โดยระบุว่าข้อเสนอเรียกร้องให้มีการหยุดยึดครองดินแดนในระดับที่ใกล้เคียงกับสถานะปัจจุบัน และการยุติข้อพิพาททางการทูตในระยะยาว ซึ่งหวังว่าจะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน นายแวนซ์กล่าวเน้นย้ำว่า “วิธีเดียวที่จะหยุดการสังหารได้อย่างแท้จริงคือกองทัพทั้งสองต้องวางอาวุธและหยุดการยึดครองนี้”

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 เมษายน นายเซเลนสกีได้กล่าวย้ำอย่างหนักแน่นว่ายูเครนจะไม่มีวันยกไครเมียให้กับรัสเซีย ซึ่งเข้ายึดครองคาบสมุทรดังกล่าวไปตั้งแต่ปี 2557 โดยกล่าวว่า “ไม่มีอะไรต้องพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญของเรา” ท่าทีดังกล่าวของนายเซเลนสกีทำให้นายทรัมป์ออกมาแสดงความไม่พอใจในเวลาต่อมา โดยกล่าวว่าเป็นการยั่วยุซึ่งทำให้การบรรลุสันติภาพยิ่งทำได้ยากขึ้น พร้อมย้ำว่าการสูญเสียไครเมียเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนและไม่ใช่ประเด็นที่ควรนำมาพูดคุยในตอนนี้

โฆษกทำเนียบขาวของนายทรัมป์กล่าวว่า นายทรัมป์ผิดหวังกับความคืบหน้าของการเจรจาสันติภาพ และมองว่านายเซเลนสกีดูเหมือนจะเดินไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่แหล่งข่าวหลายแห่งให้ข้อมูลว่า ข้อเสนอสันติภาพที่เสนอโดยนายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของนายทรัมป์นั้น ไม่ได้เพียงแค่ให้ยูเครนยอมรับการผนวกไครเมียของรัสเซียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อเรียกร้องให้ยอมรับการควบคุมดินแดนของยูเครนประมาณร้อยละ 20 ที่รัสเซียยึดครองได้ในช่วงสงคราม การตัดยูเครนออกจากความเป็นไปได้ที่จะเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และการยกเลิกการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อรัสเซีย

ในวันเดียวกัน (24 เมษายน) สำนักข่าวต่างประเทศ บีบีซี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ในยูเครนว่า กองทัพรัสเซียได้ระดมโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งต่อกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เมื่อค่ำวันพุธที่ 23 เมษายน โดยใช้ขีปนาวุธ 11 ลูก ขีปนาวุธร่อน (ครูซมิสไซล์) 55 ลูก และโดรนโจมตีอีก 145 ลำ การโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 77 ราย ซึ่งถือเป็นการโจมตีกรุงเคียฟที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *