ทส. ออกมาตรการเข้ม คุมกิจกรรมดำน้ำ กำหนดอัตราส่วนผู้ดูแล ป้องกันปะการังเสียหาย
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ประกาศใช้มาตรการใหม่ เพื่อคุ้มครองทรัพยากรปะการัง กำหนดให้ผู้ประกอบการกิจกรรมดำน้ำต้องจัดให้มีผู้ควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวในอัตราส่วนที่ชัดเจน พร้อมข้อห้ามและข้อปฏิบัติเพิ่มเติม หวังลดผลกระทบต่อแนวปะการังที่ได้รับความเสียหายจากการดำน้ำที่ขาดการควบคุม
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่แนวปะการังที่สวยงาม พบว่าผู้ประกอบการบางส่วนละเลยการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเหมาะสม ขาดการให้ข้อมูลหรือแนะนำวิธีการดำน้ำที่ถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหา เช่น นักท่องเที่ยวสัมผัส เหยียบย่ำ หรือใช้ตีนกบโดยไม่ถูกวิธี มีการให้อาหารปลา ทิ้งขยะ รวมถึงเคลื่อนย้ายปะการังหรือสิ่งมีชีวิตในทะเล ซึ่งส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่แนวปะการังอย่างต่อเนื่อง
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้กรม ทช. จัดทำและประกาศใช้ “มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ” ซึ่งมีผลบังคับใช้กับผู้ประกอบการทุกรายที่จัดกิจกรรมดำน้ำ
สาระสำคัญของมาตรการ ประกอบด้วย:
- ผู้ประกอบการต้องจัดให้มี “ผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยผู้ควบคุม” ที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กรม ทช. กำหนด เดินทางไปพร้อมกับนักท่องเที่ยวทุกครั้ง
- ผู้ควบคุมมีหน้าที่ชี้แจงกฎหมาย ระเบียบ และวิธีการดำน้ำที่ไม่ส่งผลกระทบต่อปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลให้นักท่องเที่ยวทราบก่อนเริ่มกิจกรรม
- กำหนดอัตราส่วนผู้ควบคุมต่อนักท่องเที่ยว แบ่งตามประเภทการดำน้ำ ดังนี้
- การดำน้ำลึก (Scuba): ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักดำน้ำไม่เกิน 4 คน
- การดำน้ำตื้น (Snorkel) และดำน้ำอิสระ (Freediving): ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักดำน้ำไม่เกิน 20 คน
- การทดลองเรียนดำน้ำ (DSD or Try Dive): ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักเรียนไม่เกิน 2 คน
- การเรียนและการสอบดำน้ำลึก: ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักเรียนไม่เกิน 4 คน และห้ามเรียนบนแนวปะการัง ต้องเรียนบนพื้นทรายเท่านั้น
- ข้อปฏิบัติเพิ่มเติม:
- ในการดำน้ำลึก: ห้ามนำกล้องลงไปถ่ายภาพใต้น้ำเอง หากนักดำน้ำยังไม่ผ่านหลักสูตรระดับเทียบเท่า Advanced หรือมีประสบการณ์น้อยกว่า 40 ไดฟ์ ต้องให้ผู้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเป็นผู้ถ่ายภาพให้แทน ในกรณีการเรียนหรือสอบดำน้ำลึก (ยกเว้นหลักสูตรถ่ายภาพใต้น้ำ) ห้ามครูและนักเรียนถ่ายภาพใต้น้ำ ต้องให้บุคคลอื่นที่เชี่ยวชาญเป็นผู้ถ่ายให้ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อปะการังจากการไม่ชำนาญ
- ในการดำน้ำตื้น: หากดำน้ำตื้นในบริเวณแนวปะการัง ระดับน้ำเหนือยอดปะการังต้องสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร หากมีการใช้ตีนกบ ผู้ควบคุมต้องแจ้งวิธีการใช้ที่ถูกต้องและไม่ให้กระทบปะการัง นักท่องเที่ยวต้องใส่ชูชีพทุกครั้ง ยกเว้นผู้ที่ผ่านหลักสูตรการดำน้ำลึกหรือดำน้ำอิสระมาแล้ว
นายปิ่นสักก์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการนี้จะช่วยสร้างมาตรฐานการดำน้ำบริเวณแนวปะการัง โดยเฉพาะสำหรับนักดำน้ำมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ รวมถึงช่วยกำกับดูแลกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะนี้ กรม ทช. ได้อบรมผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุมตามร่างระเบียบแล้วจำนวน 1,946 คน และกำลังเร่งดำเนินการออกบัตรรับรอง
ผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว จะมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 คือ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อประโยชน์ในการสงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ หรือฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน สามารถอ่านประกาศฉบับเต็มได้ที่ https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/67994.pdf