ผบ.ตร. เปิดใจกรณี ‘หนุ่มลูกพีช’ อ้างชื่อ ยันรู้จักพ่อจริง ไม่โกรธ แต่เสียใจพฤติกรรมไร้จิตสำนึก
กรุงเทพฯ – วันที่ 24 เมษายน 2568 ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังร่วมรับประทานอาหารกลางวัน โดยกล่าวถึงกรณีที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับคลิปเหตุการณ์ที่ชายวัยรุ่น ซึ่งถูกระบุชื่อว่า “หนุ่มลูกพีช” ขับรถปาดหน้ารถกระบะคันอื่น จนเป็นเหตุให้ผู้สูงอายุชายและหญิงที่อยู่ในรถได้รับบาดเจ็บ และผู้ก่อเหตุได้มีการอ้างชื่อว่าเป็นญาติของ ผบ.ตร.
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว โดยยอมรับว่ารู้จักกับ “นายกเบี้ยว” ซึ่งเป็นบิดาของผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่เดียวกัน และมีความคุ้นเคยกันอยู่บ้าง
“หลังจากเกิดเรื่อง ผมได้พูดคุยกับพ่อของหนุ่มลูกพีชแล้วครับ ได้ตักเตือนไปอย่างตรงไปตรงมาว่า พฤติกรรมการขับขี่ของลูกชายนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และการกระทำที่อ้างชื่อผม หรือชื่อผู้ใหญ่ในสังคม เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความผิด หรือลดทอนความรุนแรงของเรื่อง ถือเป็นพฤติกรรมที่น่าเสียใจและไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง” ผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้เน้นย้ำหลักการสำคัญว่า “ถ้าทำดีแล้วอ้างชื่อ จะรู้สึกภูมิใจ แต่ถ้าทำไม่ดีแล้วอ้าง ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ต้องมีจิตสำนึก มีสติ” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ชัดเจนต่อการใช้ชื่อเสียงหรือเส้นสายในทางที่ผิด
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อไปว่า บิดาของหนุ่มลูกพีชได้กล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และส่วนตัวไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองใดๆ เป็นพิเศษต่อกรณีที่ถูกอ้างชื่อ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการยึดมั่นในหลักการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
สำหรับพยานหลักฐานในเหตุการณ์นี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ภาพจากคลิปวิดีโอที่ปรากฏนั้นมีความชัดเจนอยู่แล้ว แทบไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมในรายละเอียดเชิงลึก เพราะเป็นหลักฐานที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นบนท้องถนน
ท่าน ผบ.ตร. ยังได้แสดงความกังวลถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการขับขี่เช่นนี้ โดยกล่าวว่า หากในรถที่ถูกปาดหน้ามีเด็กเล็ก หรือผู้ที่บอบบางกว่านี้อยู่ด้วย เหตุการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่อันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้
พร้อมกันนี้ ได้ฝากข้อคิดเตือนใจถึงประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ยานพาหนะว่า ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะทำอะไร กล้องวงจรปิด หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ได้ทั้งหมด จึงควรคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งใดลงไป
ในตอนท้าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ฝากถึงผู้ปกครองและสังคมโดยรวม ให้ช่วยกันสอดส่องดูแลและแนะนำบุตรหลานให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมเมื่ออยู่บนท้องถนน เน้นย้ำถึงการมีสติในการขับขี่ การมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง และที่สำคัญที่สุดคือ การมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
“เด็กก็คือเด็ก” ท่าน ผบ.ตร. กล่าวเสริม “แต่กรณีนี้ไม่ใช่เด็กเล็กอีกต่อไป ถือว่าเป็นวัยผู้ใหญ่แล้ว ควรมีวุฒิภาวะและสามัญสำนึก ผิดก็ต้องยอมรับผิด ไม่ควรอ้างใครให้พ้นผิด” คำกล่าวนี้เน้นย้ำถึงความคาดหวังให้เยาวชนหรือผู้ที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น มีความเข้าใจในผลของการกระทำและกล้ารับผิดชอบ ไม่หลีกเลี่ยงด้วยการใช้ชื่อเสียงหรือบารมีของผู้อื่น