ส่งออกไทย มี.ค. พุ่งทำสถิติใหม่ในรอบ 36 เดือน มูลค่าสูงสุดประวัติศาสตร์ ดัน Q1 โต 15.2% ‘พิชัย’ ชี้สัญญาณเจรจาสหรัฐฯ 5G มั่นใจทั้งปีเข้าเป้า
กรุงเทพฯ – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม 2568 ว่า การส่งออกขยายตัวสูงถึง 17.8% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 36 เดือน คิดเป็นมูลค่า 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และถือเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไทย ขณะที่การนำเข้า ขยายตัว 10.2% คิดเป็นมูลค่า 28,575.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 973 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม
สำหรับภาพรวมไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) การส่งออกของไทยขยายตัวต่อเนื่องที่ 15.2% รวมมูลค่า 81,532.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีอัตราการเติบโตรายเดือนดังนี้ มกราคม 13.6%, กุมภาพันธ์ 14.0% และมีนาคม 17.8% ส่วนการนำเข้าในช่วงไตรมาสแรก ขยายตัว 7.8% รวมมูลค่า 80,451.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ไทยมีดุลการค้าเกินดุล 1,081 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสแรก สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจน
นายพิชัยกล่าวว่า การเติบโตของการส่งออกไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในตลาดสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังขยายตัวครอบคลุมตลาดอื่นๆ ด้วย แม้ในเดือนเมษายนอาจมีผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ แต่ก็เชื่อมั่นว่าจะไม่ทำให้การส่งออกติดลบ และคาดว่าในช่วงไตรมาส 2 โดยรวมการส่งออกจะยังขยายตัวเป็นบวกได้ แต่อาจไม่บวกมากเท่ากับไตรมาสแรก ส่วนการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง ต้องรอดูผลการเจรจากับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเชื่อว่าไทยจะสามารถหาทางออกในการเจรจาได้เป็นอย่างดี ทั้งกับสหรัฐฯ และจีน และเชื่อว่าการส่งออกทั้งปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ 2-3% หรืออาจจะโตได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยเน้นย้ำว่าการส่งออกยังคงเป็น “พระเอก” ที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล
ในส่วนของความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ นั้น นายพิชัยเผยว่ามีสัญญาณที่ดีมากถึงระดับ 5G จากการพูดคุยกับบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีการลงทุนในไทย ซึ่งทุกบริษัทต้องการให้การเจรจากับไทยเสร็จสิ้นโดยเร็ว เนื่องจากมีผลประโยชน์จำนวนมากอยู่ในประเทศไทย นอกจากนี้ ตนยังได้พูดคุยกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) อย่างต่อเนื่อง และมีการส่งอีเมลหารือกันทุกวัน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอวันนัดหารือที่ชัดเจน ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องเตรียมความพร้อมก่อนการเจรจา โดยเฉพาะการจัดทำแผนเพื่อแก้ไขปัญหาการสวมสิทธิสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ
ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวเสริมว่า สาเหตุหลักที่ทำให้การส่งออกเดือนมีนาคมขยายตัวสูง มาจากการส่งออกสินค้าหมวดอุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูงถึง 23.5% ในขณะที่สินค้าเกษตรหดตัว 0.5% และสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรหดตัว 3.1%
สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ), แผงวงจรไฟฟ้า, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่มีการขยายตัวที่ดี จากการเร่งนำเข้าของประเทศคู่ค้าเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการประกาศภาษีของสหรัฐฯ ที่จะมีผลในเดือนเมษายน โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ขยายตัวเร่งขึ้น 34.3% จากความต้องการนำเข้าเพื่อลดต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษี ในขณะที่ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ ก็มีการเร่งนำเข้าสินค้าวัตถุดิบหรือสินค้าขั้นกลางเช่นกัน ทำให้ตลาดหลักขยายตัวรวม 17.3% โดยตลาดสำคัญที่ขยายตัวสูง ได้แก่ สหรัฐฯ (+34.3%), จีน (+22.2%), ญี่ปุ่น (+1.5%), สหภาพยุโรป (27) (+4.0%), อาเซียน 5 (+13.2%) และ CLMV (+10.1%)
ส่วนตลาดรอง ขยายตัวรวม 10.2% อาทิ ตลาดเอเชียใต้ (+9.2%), ตะวันออกกลาง (+25.1%), แอฟริกา (+3.5%), ลาตินอเมริกา (+11.5%), รัสเซียและกลุ่ม CIS (+59.5%) และสหราชอาณาจักร (+7.7%) อย่างไรก็ตาม มีบางตลาดที่หดตัว เช่น ทวีปออสเตรเลีย (-11.4%) ขณะที่ตลาดอื่นๆ ขยายตัวสูงถึง 232.6%