หลุยส์ สยาม ไม่สนถูกแบ่งเกรด ‘ละครจักรวงศ์’ ย้อนถาม งงมนุษย์มีเกรดตั้งแต่เมื่อไหร่? ลั่นภูมิใจอาชีพสุจริต
ผู้จัดและผู้กำกับมากฝีมือ หลุยส์ สยาม สังวริบุตร ออกมาเปิดใจถึงประเด็นที่ถูกพูดถึงมาตลอดเกี่ยวกับ ‘ละครจักรวงศ์’ หรือละครพื้นบ้าน ที่มักถูกมองว่า ‘ถูกแบ่งเกรด’ โดยเจ้าตัวยืนยันเสียงแข็งไม่แคร์สายตาใคร พร้อมย้อนถาม ‘งงมนุษย์มีเกรดตั้งแต่เมื่อไหร่?’ และลั่นว่าภูมิใจในอาชีพสุจริตนี้
จากกรณีที่มีการพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์ในแวดวงบันเทิงและสังคมเกี่ยวกับละครพื้นบ้านหรือละครจักรวงศ์ รวมถึงนักแสดงในแนวนี้ ที่มักถูกมองว่า ‘ถูกแบ่งเกรด’ หรืออยู่ในระดับที่แตกต่างจากละครกระแสหลัก
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวข่าวสดบันเทิง ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เปิดใจ หลุยส์ สยาม สังวริบุตร ผู้จัดและผู้กำกับชื่อดัง ซึ่งปัจจุบันมารับช่วงต่อในการทำละครพื้นบ้านจากคุณพ่อ ไพรัช สังวริบุตร โดยเข้ามาช่วยน้องชาย ลอร์ด สยม สังวริบุตรดูแลเรื่องนี้ ซึ่ง หลุยส์ สยาม ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
หลุยส์ สยาม กล่าวว่า “เราไปห้ามความคิดคนเขาไม่ได้หรอก เขาจะคิดอะไรกับเรา เราก็พูดตรงๆ ว่า พวกพี่ทำมาหากินกัน ทำหนังจักรวงศ์ เรารู้ว่าคนรู้สึกยังไงกับเรา เรารู้ว่าคนดูละครของเรา แต่มีหนังสือพิมพ์ไปถามหรือใครมาถาม ว่าดูอะไร เขาอาจจะบอกดูช่องวัน ตอนเช้าก็นั่งดูหนังเรานี่แหละ แต่เวลาพูดกับคน เขาไม่พูด รู้ได้ไง ก็ดูจากเรตติ้งก็รู้ เพราะพี่จะต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง แล้วดูว่า อันนี้เป็นงานของเรา แล้วเราให้ความเคารพตัวเราเอง เราไม่สนว่าใครจะคิดยังไง เรารู้อยู่แล้วว่าเป็นยังไง แล้วพี่ไม่ได้สนใจอะไรตรงนั้นนะ”
ผู้จัดคนเก่งยังคงย้ำถึงจุดยืนของตนเองว่า “พูดตรงๆ แม้กระทั่งวงการบันเทิง ละคร สมัยก่อนตอนพี่เด็กๆ เขาเรียกว่าเต้นกินรำกิน ก็ดูถูกมาตลอด อันนี้เป็นอาชีพสุจริตของเรา เราทำแล้วเราภูมิใจ ใครจะมองเรายังไงก็มองไปเถอะก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงเขาก็ซื้อเราอยู่ อันนี้พี่ไม่ว่ากัน”
เมื่อถูกถามถึงการที่ละครแนวนี้ถูกมองว่าคนละเกรดกับละครทั่วไป หลุยส์ สยาม แสดงทัศนะอย่างน่าคิดว่า “โอ้ย..คนดูหนังเราเยอะแยะ หนังเจ้า หนังจักรวงศ์ แต่บางคนก็บอก โอ้ย หนังคนละเกรด ก็ไม่เป็นไรหรอก มนุษย์มันมีเกรดตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ก็ไม่รู้ เพราะพี่เกิดมา เราก็คนธรรมดา พ่อแม่เราก็จนมาก่อน เพราะฉะนั้นเราไม่เคยไปมองเกรดไหน มนุษย์เหมือนกัน”
เขาทิ้งท้ายด้วยการแสดงออกถึงความเข้าใจในมุมมองที่แตกต่าง โดยไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเสียใจแต่อย่างใด “พี่ไม่รู้สึกโกรธหรือดีใจ เสียใจอะไร แค่ว่าเราเข้าใจ แล้วแต่คุณก็แล้วกัน แต่คุณดูหนังเราแล้วกัน จะว่าอะไรยังไง แต่ดูหนังเราแล้วกัน เราไม่ว่ากัน”
ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของคนทำงานในวงการบันเทิง ที่แม้จะถูกมองด้วยสายตาที่แตกต่าง แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานที่ตนรักและภูมิใจ โดยยึดมั่นในความสุจริตของอาชีพเป็นสำคัญ