คดีฮั้ว สว.ระทึก! รมว.ยุติธรรมเผย ดีเอสไอจ่อแจ้งข้อหา/จับกุม สิ้นเมษายนนี้ ชี้เป้า 140 สว.เสี่ยงหยุดปฏิบัติหน้าที่
เข้าสู่ช่วงเวลาที่น่าจับตาอีกครั้งสำหรับความคืบหน้าคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “คดีฮั้วเลือกสว.” โดยล่าสุด พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่สร้างความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ โดยระบุว่า อาจจะมีความชัดเจนในกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาหรือการจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ภายในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ และเตรียมส่งฟ้องต่อศาลต่อไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง สว. อย่างมิชอบด้วยกฎหมายนี้เป็นคดีพิเศษ โดยเริ่มต้นจากการสอบสวนในความผิดฐานฟอกเงิน ก่อนที่จะขยายผลไปสู่ความผิดฐานอั้งยี่ และฐานความผิดต่อความมั่นคงแห่งรัฐ ตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญาได้ต่อเนื่อง
ในขณะนั้น พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เคยกล่าวถึงกรอบระยะเวลาการทำงานของดีเอสไอว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนในการรวบรวมและสรุปพยานหลักฐาน เนื่องจากเป็นคดีที่มีการร้องเรียนมาก่อนหน้านี้และดีเอสไอได้มีการสอบสวนล่วงหน้าไปแล้วบางส่วน หากนับจากต้นเดือนมีนาคม กรอบ 3 เดือนดังกล่าวก็จะตกอยู่ในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม
แต่ข้อมูลล่าสุดจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กลับระบุถึงไทม์ไลน์ที่รวดเร็วกว่าเดิม โดยชี้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นความคืบหน้าสำคัญภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้
สิ่งที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งคือ หากมีการสรุปพยานหลักฐานและมีการแจ้งข้อกล่าวหา หรือนำไปสู่ขั้นตอนการส่งฟ้องต่อศาล อาจส่งผลโดยตรงให้ สว. ที่ถูกดำเนินคดีต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันที ซึ่งจะกระทบต่อองค์ประกอบของวุฒิสภาชุดปัจจุบัน
ทั้งนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง และ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เคยระบุไว้ว่า จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ โดยเฉพาะเอกสารที่เรียกกันว่า “โพยฮั้ว” ซึ่งมีการระบุหมายเลขที่ควรเลือก เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรายชื่อผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว. ตามที่มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ พบว่ามีรายชื่อตรงกับโพยดังกล่าวถึง 138 รายชื่อ และมีอีก 2 รายชื่ออยู่ในบัญชีสำรอง ทำให้มี สว. ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยรวมทั้งสิ้น 140 คน ซึ่งคนกลุ่มนี้กำลังเผชิญช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เนื่องจากเส้นตายที่รัฐมนตรีระบุไว้ใกล้เข้ามาแล้ว
ในมุมมองของประชาชนทั่วไป การที่คดีมีความคืบหน้าจนเกือบจะถึงบทสรุปในสิ้นเดือนนี้ อาจถูกมองว่ายังเป็นไปอย่างล่าช้าด้วยซ้ำ หากพิจารณาจากการเลือก สว. ขั้นตอนสุดท้ายในระดับประเทศได้เสร็จสิ้นไปตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2567 และในโลกโซเชียลมีเดียก็ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลและพยานหลักฐานต่างๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งเอกสารโพยฮั้ว รูปถ่าย การแต่งกาย รวมถึงข้อมูลการเดินทาง ที่หลายฝ่ายมองว่าบ่งชี้ถึงกระบวนการจัดตั้งหรือการฮั้วอย่างชัดเจน จนเกิดคำกล่าวที่ว่า “ประชาชนทั้งประเทศรู้หมดว่ามีการฮั้ว มีแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เท่านั้นที่ไม่รู้”
ต่อมา เมื่อกลุ่ม สว. สำรองได้รวบรวมพยานหลักฐานไปยื่นร้องต่อ กกต. แต่ไม่มั่นใจในกระบวนการ จึงแยกประเด็นข้อหาทางอาญาไปร้องต่อดีเอสไอ ซึ่งนำไปสู่การรับคดีเป็นคดีพิเศษในที่สุด
ตอนนี้ เส้นตายที่ระบุว่าสิ้นเดือนเมษายนนี้จะได้ “รู้ดำรู้แดง” หรือ “รู้น้ำเงิน” กันแน่ กำลังใกล้เข้ามาทุกที ที่แน่ๆ คือ สว. ในบัญชีสำรองที่มีอยู่ทั้งหมด 99 รายชื่อ คงต้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เหมือนกับ “ตัวสำรองในเกมฟุตบอลที่เริ่มวอร์มร่างกายอยู่ข้างสนาม” เพื่อรอฟังเสียงนกหวีดส่งสัญญาณการ “เปลี่ยนตัวล็อตใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ