กรุงเทพฯ 23 เมษายน 2568 – ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารระดับสูง ได้เดินทางร่วมคณะของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เปิดเผยว่า ในโอกาสสำคัญนี้ กระทรวงแรงงานของทั้งสองประเทศ ได้ร่วมกันลงนามในเอกสารความร่วมมือด้านแรงงานที่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญจำนวน 2 ฉบับ ณ วิมานสันติภาพ โดยมีนายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน ประกอบด้วย:

• บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
• บันทึกข้อตกลง (Agreement) ว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเน้นย้ำว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการจัดระบบการนำเข้าและจ้างงานแรงงานระหว่างประเทศให้มีมาตรฐาน เป็นธรรม ปลอดภัย และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ครอบคลุมถึงการจ้างแรงงานตามฤดูกาล การจ้างงานระยะสั้นในภาคเกษตร รวมถึงการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายแรงงานไทยและกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

สำหรับสาระสำคัญของบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานนั้น ได้กำหนดกรอบและขั้นตอนการจ้างงานแรงงานกัมพูชาอย่างถูกกฎหมายไว้อย่างชัดเจน อาทิ:

• การกำหนดขั้นตอนการจ้างงานที่โปร่งใสและเป็นระบบ
• การแจ้งรายชื่อนายจ้างและแรงงานล่วงหน้าเพื่อเตรียมการ
• การทำสัญญาจ้างงานอย่างเป็นทางการก่อนที่แรงงานจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย
• การตรวจสุขภาพและการมีประกันสุขภาพเพื่อความปลอดภัยและหลักประกันด้านสาธารณสุข
• การจัดอบรมปฐมนิเทศสำหรับแรงงานต่างด้าว เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับภาษา วัฒนธรรม ศาสนา สิทธิ หน้าที่ รวมถึงช่องทางการร้องเรียนต่างๆ ในประเทศไทย
• การจัดการส่งแรงงานกลับภูมิลำเนาอย่างเป็นระบบเมื่อครบระยะเวลาตามสัญญาจ้าง

นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อตกลงฉบับนี้ถือเป็นการต่อยอดและพัฒนากรอบความร่วมมือเดิมที่มีอยู่ โดยมีการปรับปรุงเพื่อลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และขยายขอบเขตความร่วมมือให้ครอบคลุมแรงงานทุกประเภทมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแรงงานในสาขาที่มีลักษณะเฉพาะ อาทิ แรงงานประมงทะเล และแรงงานภาคเกษตรตามฤดูกาล ซึ่งเป็นกลุ่มที่สำคัญต่อภาคเศรษฐกิจของไทย

“การเดินทางเยือนกัมพูชาในครั้งนี้ นอกจากภารกิจด้านการลงนามความร่วมมือด้านแรงงานแล้ว คณะของเรายังได้เข้าร่วมกิจกรรมสำคัญอื่นๆ ตามกำหนดการของท่านนายกรัฐมนตรี อาทิ พิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ การหารือระดับผู้นำ การวางพวงมาลา ณ วิมานเอกราช และพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ รวมถึงการเข้าเยี่ยมคารวะประธานสภาแห่งชาติและประธานวุฒิสภากัมพูชา การเจรจาและลงนามในข้อตกลงด้านแรงงานในวันนี้ ถือเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สำหรับการบริหารจัดการแรงงานระหว่างสองประเทศ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งนายจ้าง แรงงาน และรัฐบาล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวสรุป