ไทย-กัมพูชา ลงนาม MOU ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมข้ามแดน หวังลดผลกระทบต่อประชาชน

กรุงพนมเปญ, กัมพูชา – เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ของไทย ได้เดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน

การลงนามครั้งสำคัญนี้ มีขึ้นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คคพ.) และคณะผู้แทนจากประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีของไทยเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมสร้างความร่วมมืออันดีระหว่างสองประเทศในการป้องกันและลดผลกระทบที่เกิดจากปัญหามลพิษข้ามแดน ซึ่งไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ปัญหาหมอกควันข้ามแดนที่เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ยังครอบคลุมมลพิษในรูปแบบอื่นๆ ทั้งมลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำ ขยะมูลฝอย ขยะอันตราย และมลพิษทางสิ่งแวดล้อมในรูปแบบอื่นๆ ด้วย

ความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้ มีขอบเขตที่หลากหลาย ประกอบด้วย:

  1. การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูล และแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practices) ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและจัดการมลพิษข้ามแดน
  2. การเพิ่มขีดความสามารถ (Capacity Building) ของเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องในทั้งสองประเทศ เพื่อให้มีความพร้อมในการป้องกันและจัดการมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การดำเนินโครงการวิจัยร่วมกันในด้านการจัดการมลพิษข้ามแดน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมและเหมาะสมกับบริบทของภูมิภาค
  4. การตอบสนองอย่างรวดเร็ว (Rapid Response) ต่อเหตุการณ์มลพิษข้ามแดน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
  5. การร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมข้ามแดนอย่างเหมาะสม โดยอาศัยกลไกความร่วมมือที่กำหนดไว้ใน MOU
  6. การดำเนินการ การติดตามผล และการทบทวนความก้าวหน้าของความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามีความต่อเนื่องและยั่งยืน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า จะเป็นกลไกสำคัญในการจัดการปัญหาที่ส่งผลกระทบร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศที่ข้ามพรมแดน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา

บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดนฉบับนี้ มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนาม โดยคาดหวังว่าความร่วมมือนี้จะนำไปสู่การแก้ปัญหามลพิษข้ามแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชาในด้านการอนุรักษ์และจัดการสิ่งแวดล้อมร่วมกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *