รัฐสภา, 23 เมษายน 2568 – นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงความเคลื่อนไหวสำคัญในสภาฯ ทั้งกำหนดการประชุมสมัยวิสามัญและท่าทีส่วนตัวต่อร่างกฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ซึ่งรวมถึงประเด็นกาสิโน

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า รัฐบาลได้มีหนังสือขอเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ซึ่งกำหนดไว้ระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคมนี้ โดยมีวาระหลักที่สำคัญคือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) อีก 2 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และร่าง พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดยยืนยันว่าสภาฯ พร้อมเสมอสำหรับการประชุมตามที่รัฐบาลประสานมา

เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการนำร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้าพิจารณาในสมัยวิสามัญนี้ หากการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ และร่าง พ.ร.ก. ทั้งสองฉบับเสร็จสิ้นภายในกรอบเวลา นายวันมูหะมัดนอร์ ยอมรับว่า หากวาระหลักทั้งสองเรื่องนี้เสร็จตามกำหนด ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ถือเป็นระเบียบวาระลำดับที่หนึ่งที่อาจจะถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาต่อ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าจะเสนอให้พิจารณาหรือไม่ “เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ไม่ได้ห้ามหยิบยกกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้ามาพิจารณาในช่วงการประชุมสมัยวิสามัญ” ประธานสภาฯ กล่าว

ประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือจุดยืนต่อร่างกฎหมายดังกล่าว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพนัน ซึ่งเป็นประเด็นละเอียดอ่อนทางศาสนา เมื่อถูกถามถึงจุดยืนของพรรคประชาชาติ ซึ่งที่ผ่านมามีท่าทีไม่เห็นด้วย นายวันมูหะมัดนอร์ ในฐานะประธานสภาฯ ปฏิเสธที่จะตอบในนามพรรค โดยระบุว่า เป็นเรื่องที่พรรคประชาชาติจะต้องเป็นผู้ชี้แจงแถลงการณ์จุดยืนของตนเอง

อย่างไรก็ตาม นายวันมูหะมัดนอร์ ได้แสดงจุดยืนส่วนตัวในฐานะผู้นับถือศาสนาอิสลามอย่างชัดเจน โดยกล่าวว่า “ตนนับถือศาสนาอิสลาม คำสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้า หลักการทางศาสนาหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องการพนัน เป็นสิ่งต้องห้ามของศาสนาอิสลาม ดังนั้น ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม จะไปสนับสนุนหรือเห็นชอบในเรื่องนี้ไม่ได้” พร้อมเสริมว่า ไม่ใช่เพียงศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และองค์กรทางศาสนาต่างๆ ก็ได้ออกมาชี้แจงว่าเรื่องนี้ขัดต่อหลักการทางศาสนา

“ถ้าตามหลักศาสนา โหวตได้ก็บาป ก็เหมือนกับคนไม่ปฏิบัติ ตามหลักศาสนาผิดศีล คงจะโหวตไม่ได้” นายวันมูหะมัดนอร์ ย้ำถึงท่าทีส่วนตัวจากมุมมองทางศาสนา

ประธานสภาฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของพรรคประชาชาติ คงต้องมีการประชุมหารือร่วมกัน ซึ่งตนไม่สามารถเข้าร่วมได้ เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งประธานสภาฯ และโดยบทบาทหน้าที่ของประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ ก็ไม่สามารถลงคะแนนเสียงในที่ประชุมได้อยู่แล้ว ต้องงดออกเสียงตามข้อบังคับ

เมื่อถามถึงความกังวลว่าท่าทีนี้จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาล หรือถึงขั้นเป็นรอยร้าวที่นำไปสู่การยุบสภาหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคประชาชาติ หลักศาสนาก็คือหลักศาสนา จุดยืนของพรรคก็คือจุดยืนของพรรค ตนเพียงอธิบายในฐานะผู้นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีจุดยืนในลักษณะเดียวกันกับกฎหมายอื่นๆ ที่ขัดต่อหลักการศาสนา เช่น ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมและร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า

สำหรับการยุบสภานั้นเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกฎหมายสำคัญของรัฐบาลไม่ผ่านสภาฯ เช่น ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีประเด็นน่ากังวลในเรื่องนี้ และเชื่อว่ารัฐบาลจะมีการหารือภายในพรรคร่วมรัฐบาลและวิปฝ่ายรัฐบาลเพื่อให้ร่างกฎหมายงบประมาณผ่านความเห็นชอบ เนื่องจากหากงบประมาณไม่ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริหารประเทศ

นายวันมูหะมัดนอร์ ยอมรับว่า แม้จะไม่มีประเด็นการยุบสภาที่น่าวิตกในทันที แต่สถานการณ์ทางการเมืองก็มีความกังวลอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการบริหารของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่น่ากังวลในขณะนี้คือปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย พร้อมทั้งปัญหาด้านการท่องเที่ยว ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข