หอการค้าไทย กังวลหนัก! ไทยเลื่อนเจรจาสหรัฐฯ หวั่นส่งออกสะดุด มิ.ย.นี้ เหตุไม่รู้พิกัดภาษี

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความกังวลของภาคเอกชนต่อสถานการณ์การค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะกรณีที่รัฐบาลไทยตัดสินใจเลื่อนกำหนดการเดินทางไปเจรจากับสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือแก้ไขปัญหาภาษีทางการค้าออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น สร้างความประหลาดใจและไม่เข้าใจให้กับภาคเอกชนอย่างมาก

นายพจน์ระบุว่า ภาคเอกชนรู้สึก ‘งง’ กับการเลื่อนครั้งนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้รับความมั่นใจจากภาครัฐว่ามีการเตรียมความพร้อมและกำหนดการเดินทางไปเจรจาไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเลื่อนเกิดขึ้น ไม่ว่าจากปัจจัยใดก็ตาม ภาคเอกชนก็คงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรอดูความชัดเจนว่ากำหนดการเจรจาครั้งใหม่จะเป็นเมื่อใด

ประธานกรรมการหอการค้าไทยชี้ว่า การเลื่อนการเจรจาออกไปโดยไม่มีความชัดเจน ย่อมส่งผลกระทบเชิงลบต่อบรรยากาศการลงทุนและการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของไทย

ปัญหาสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ผู้นำเข้าชาวอเมริกันไม่ต้องการซื้อสินค้าไทย แต่ปัญหาคือทั้งผู้ส่งออกของไทยและผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ไม่สามารถที่จะกำหนด ‘โค้ดราคา’ หรือคำนวณราคาซื้อขายสินค้าที่ถูกต้องได้เลย เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บตามมาตรการของสหรัฐฯ ที่ริเริ่มขึ้นในยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยังคงส่งผลกระทบมาจนถึงปัจจุบัน

ความไม่แน่นอนเรื่องอัตราภาษีนำเข้านี้เองที่อาจทำให้ผู้นำเข้าในสหรัฐฯ เกิดความลังเล ชะลอ หรือแม้แต่หยุดการนำเข้าสินค้าบางรายการจากประเทศไทย โดยนายพจน์คาดว่า ผลกระทบนี้จะเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป หากยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

สถานการณ์นี้สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างมาก เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันและการวางแผนธุรกิจ การที่ผู้ส่งออกไม่สามารถให้ราคาที่แน่นอนแก่ผู้นำเข้าได้ ทำให้การตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าเป็นไปได้ยาก นำไปสู่ภาวะการชะลอตัวหรือหยุดชะงักของการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา

นายพจน์ทิ้งท้ายว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ภาคเอกชนทำได้เพียงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรอคอยความชัดเจนจากภาครัฐ ทั้งในส่วนของประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนและปรับตัวได้ทันท่วงที รวมถึงหวังว่าจะมีการกำหนดการเจรจาครั้งใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อคลี่คลายความกังวลและสร้างความแน่นอนให้กับผู้ส่งออกและผู้นำเข้าทั้งสองฝ่าย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *