บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ยังไม่เปิดลงทะเบียน! รมช.คลัง แจงเหตุผล-เกณฑ์ใหม่ ใครคือกลุ่มที่ต้องลงทะเบียนผ่าน “ทางรัฐ” พร้อมเผย 10 คุณสมบัติ

กรุงเทพฯ – วันที่ 23 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 ซึ่งเป็นโครงการสำคัญในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและผู้มีรายได้น้อย เดิมคาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนภายในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันอย่างเป็นทางการ

เลื่อนเปิดลงทะเบียน เหตุผลจาก รมช.คลัง

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงถึงสาเหตุที่ยังไม่สามารถกำหนดวันเปิดรับลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2568 ได้นั้น เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการวัดความยากจนและคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับสิทธิ เพื่อให้การช่วยเหลือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริงและเหมาะสมยิ่งขึ้น

นายจุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกณฑ์รายได้ปัจจุบันกำหนดไว้ที่ปีละไม่เกิน 100,000 บาท หรือเฉลี่ยไม่เกินวันละ 274 บาท ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์นี้หรือไม่ รวมถึงรายละเอียดด้านอื่น ๆ เพื่อให้การคัดกรองมีประสิทธิภาพ ป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้ยากจนจริงเข้ามาสวมสิทธิ

กลุ่มไหนต้องลงทะเบียนใหม่บ้าง

สำหรับการลงทะเบียนในรอบใหม่นี้ จะแบ่งประชาชนออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ:

  • กลุ่มเดิม: ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีจำนวนประมาณ 14.5 ล้านคน กลุ่มนี้ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ กระทรวงการคลังจะใช้รายชื่อเดิมและนำไปคัดกรองคุณสมบัติอัตโนมัติตามเกณฑ์ใหม่
  • กลุ่มใหม่: ประชาชนที่ไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน ซึ่งคาดว่ามีจำนวนประมาณ 10 ล้านคน โดยกลุ่มนี้จะประกอบด้วยผู้ที่เพิ่งมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ และกลุ่มที่เคยลงทะเบียนในปี 2565 แต่ยังไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอน กลุ่มใหม่นี้ ต้องลงทะเบียนใหม่ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”

10 คุณสมบัติหลักสำหรับการลงทะเบียนรอบใหม่

การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่จะพิจารณาคุณสมบัติเป็นรายบุคคลและรายครอบครัว โดยมีเกณฑ์หลักๆ ดังนี้:

  1. ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย
  2. มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
  3. มีรายได้ส่วนบุคคลไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี และรายได้เฉลี่ยของสมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
  4. มีทรัพย์สินทางการเงิน เช่น เงินฝาก พันธบัตร หรือตราสารหนี้ต่าง ๆ ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และของสมาชิกทุกคนในครอบครัวเฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
  5. ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดิน เกินกว่าเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด (อยู่ระหว่างทบทวนรายละเอียด)
  6. ต้องไม่มีบัตรเครดิต
  7. ต้องไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
  8. ต้องไม่มีวงเงินกู้ซื้อรถตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
  9. ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง หรือบุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์
  10. ต้องไม่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ รวมถึงข้าราชการการเมือง (เช่น สส. และ สว.)

วงเงินช่วยเหลือที่ได้รับ (ปัจจุบัน)

สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ จะได้รับวงเงินช่วยเหลือในปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 1,545 บาทต่อคนต่อเดือน โดยแบ่งเป็น:

  • ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค: 300 บาทต่อคนต่อเดือน
  • ค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ: 750 บาทต่อคนต่อเดือน
  • ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม: 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (เฉลี่ยประมาณ 26.67 บาท/เดือน)
  • มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา: 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (ภายใต้เงื่อนไขการใช้น้ำ)
  • มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า: 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (ภายใต้เงื่อนไขการใช้ไฟฟ้า)

กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังดำเนินการตรวจสอบและทบทวนหลักเกณฑ์คุณสมบัติอย่างละเอียด เพื่อให้มีความครอบคลุมและสามารถตรวจสอบได้จริง ทั้งเกณฑ์รายได้ครัวเรือน การถือครองที่ดิน สินทรัพย์ทางการเงิน เช่น สลาก หรือพันธบัตร เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่ได้รับสิทธิคือผู้ที่มีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างแท้จริง ส่วนการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” กำลังศึกษาขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้มากที่สุด.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *