ผู้นำศาสนาและรัฐบาลไทย ร่วมไว้อาลัย พระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้ทรงจากไปอย่างสงบ สั่งลดธงครึ่งเสา 3 วัน ทั่วประเทศ
กรุงเทพฯ — บรรดาผู้นำศาสนาในประเทศไทย ได้ร่วมแสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งสวรรคตเมื่อวันจันทร์อีสเตอร์ ขณะพระชนมายุ ๘๘ พรรษา ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยได้มีคำสั่งให้ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา ๓ วัน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงออกแถลงการณ์แสดงความไว้อาลัยเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน จากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร โดยทรงรำลึกถึงการเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในปี พ.ศ. ๒๕๖๒
แถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า “การเสด็จมาเข้าเฝ้าของสมเด็จพระสันตะปาปา ณ วัดราชบพิธฯ นับเป็นพระกรณียกิจอันเป็นสิริมงคลยิ่ง ช่วยลดระยะห่างแห่งความสัมพันธ์ ขจัดความเข้าใจผิด เปลี่ยนความไม่คุ้นเคยให้เป็นความสนิทสนม และบรรเทาความสงสัยให้กลายเป็นความสามัคคีอันจริงใจ”
สมเด็จพระสังฆราชฯ ยังได้ทรงประทานพระพุทธภาษิตเพื่อเป็นพุทธานุสรณ์ว่า “ผู้ใดไม่เบียดเบียนมิตร ย่อมได้รับการยกย่องในทุกสถาน ผู้ใดไม่เบียดเบียนมิตร ย่อมอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง” พร้อมทั้งทรงกล่าวว่า มรดกแห่งเมตตาจิตและไมตรีของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส “ยังคงเป็นแรงบันดาลใจอันลึกซึ้งแก่ผู้คนทุกชาติทุกศาสนา”
ที่อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย นำโดย พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ ได้จัดการแถลงข่าวเพื่อถวายเกียรติแด่สมเด็จพระสันตะปาปาผู้ล่วงลับ พระอัครสังฆราชวีระได้กล่าวสดุดีสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสว่า ทรงเป็นผู้ประกาศความรักของพระคริสต์ผ่านชีวิตที่ถ่อมตนและเปี่ยมด้วยเมตตา
พระอัครสังฆราชวีระกล่าวว่า “แม้ในวาระสุดท้าย ทรงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ่อยครั้งและทรงประชวร แต่พระองค์ก็ยังทรงห่วงใยพระศาสนจักร ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงอุทิศเพื่อรับใช้พระศาสนจักรด้วยความเชื่อและความรักต่อพระเจ้า ทรงเป็นแบบอย่างสำหรับคริสตชนทุกคน”
ซิสเตอร์อานา โรซา ซีโวรี (Sister Ana Rosa Sivori) ญาติห่างๆ (ลูกพี่ลูกน้องชั้นที่สอง) ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า พระองค์รู้จักสมเด็จพระสันตะปาปามาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากเป็นญาติกันและครอบครัวมีความใกล้ชิดกัน พระองค์รู้สึกเสียใจเมื่อทราบข่าวการจากไป เพราะเพิ่งทักทายสัตบุรุษที่โบสถ์วาติกันเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้คิดว่าพระพลานามัยทรงดีขึ้น อย่างไรก็ตาม พระองค์หวังว่าทุกคนจะตอบสนองต่อความรักของพระเจ้าและความปรารถนาของสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อสันติภาพ เพื่อทำให้โลกของเราน่าอยู่และดีขึ้น
ด้านนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้ส่งสารถวายความเสียใจและมอบหมายให้ รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ปรียากร ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี นำข้อความแสดงความเสียใจไปถวาย ณ สถานเอกอัครสมณทูตนครรัฐวาติกัน ประจำประเทศไทย
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ ลดธงชาติลงครึ่งเสา ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ เมษายน ในโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน นายกรัฐมนตรีได้เขียนข้อความว่า “ในนามของประชาชนชาวไทย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระเมตตาอันไม่เสื่อมคลาย ความกล้าหาญทางศีลธรรม ความถ่อมพระองค์อันสูงส่ง และการแสวงหาสันติภาพอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยของพระองค์ เป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คนนับล้านทั่วทุกศาสนาและทุกชาติ”
อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเคยเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ณ นครรัฐวาติกันในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ก็ได้ร่วมแสดงความเสียใจเช่นกัน โดยกล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและความถ่อมพระองค์ และจะเป็นที่จดจำในความพยายามอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยในการส่งเสริมสันติภาพโลก สิทธิมนุษยชน และการช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอที่สุดในสังคม”
แม้ชุมชนคาทอลิกในประเทศไทยจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังคงมีบทบาทอย่างแข็งขันทั่วประเทศ โดยมีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงหลายแห่งดำเนินการโดยบาทหลวงและซิสเตอร์ การเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๒ มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากการเยือนครั้งนั้นเป็นการเสด็จเยือนครั้งแรกในรอบ ๓๕ ปี