DSI พบปม “นอมินี-บริษัทรัฐวิสาหกิจจีน” เอี่ยวคดีตึกถล่ม สตง. – เร่งสอบหาต้นตอ

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองที่มีอาคารสูงจำนวนมาก เหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงและนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่คือ การพังถล่มลงมาอย่างรุนแรงของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้มีคนงานนับร้อยชีวิตถูกฝังอยู่ใต้ซากอาคาร

แม้เวลาจะผ่านมาเกือบหนึ่งเดือน การกอบกู้ซากอาคารและการค้นหาร่างผู้สูญหายยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางคำถามมากมายถึงสาเหตุของการพังถล่ม ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับการทุจริตหรือการใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน

ท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้แสดงความกังวลและเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง เพื่อเร่งรัดให้มีการสอบสวนและนำข้อเท็จจริงทั้งหมดมาเปิดเผย

ล่าสุด การสอบสวนคดีนี้โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เริ่มมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

ดีเอสไอได้มุ่งเป้าไปที่บริษัทที่เข้าร่วมในการก่อสร้างอาคารดังกล่าว และพบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายการเป็นนอมินี การใช้วัสดุที่อาจไม่ได้มาตรฐานตาม มอก. และประเด็นการฮั้วประมูล

ข้อมูลที่ได้จากการสอบสวนนำมาซึ่งข้อเท็จจริงที่สำคัญ คือ บริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่เกี่ยวข้อง เป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน

นอกจากนี้ ดีเอสไอได้ดำเนินการจับกุมนายชวนหลิง จาง กรรมการผู้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49 ของบริษัทดังกล่าว รวมถึงผู้ถือหุ้นชาวไทยอีก 3 คน ที่มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นนอมินีอย่างชัดเจน

จากการสอบสวนเพิ่มเติมยังได้ข้อเท็จจริงว่า นายชวนหลิง จาง เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจจีนที่ถูกส่งมาเพื่อดูแลการลงทุนในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งชาวจีนและชาวไทยในครั้งนี้ เป็นการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งอยู่ในอำนาจของดีเอสไอ โดยประเด็นหลักอยู่ที่การเข้ามามีส่วนร่วมของกลุ่มคนไทยที่อาจกระทำความผิดกฎหมายในส่วนของการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า การที่บริษัท ไชน่าเรลเวย์ฯ เป็นรัฐวิสาหกิจของจีนนั้น ไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยยังคงเดินหน้าสอบสวนตามกฎหมายไทย เพื่อหาความผิดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อาคารพังถล่ม โดยเน้นการตรวจสอบประเด็นนอมินีและพฤติการณ์ผิดกฎหมายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ท่านรัฐมนตรียุติธรรมกล่าวย้ำว่า การสอบสวนว่าบริษัทดังกล่าวมีความผิดในประเด็นนอมินีหรือไม่ เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ตึกถล่ม เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่กำลังดำเนินการควบคู่กันไป

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทางการจีน ซึ่งได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการออกแบบ โดยเฉพาะในส่วนของปล่องลิฟต์ ซึ่งโดยปกติแล้วการออกแบบของทางจีนจะมีความหนาถึง 60 เซนติเมตร แต่การออกแบบสำหรับอาคาร สตง. แห่งนี้ กลับระบุความหนาเพียง 30 เซนติเมตร และมีการปรับแก้แบบให้เหลือเพียง 25 เซนติเมตรเท่านั้น โดยผู้ออกแบบในส่วนนี้เป็นคนไทย

มีการคาดการณ์ในเบื้องต้นว่า ปล่องลิฟต์ที่มีความหนาไม่เพียงพอนี้ อาจเป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่การพังทลายของอาคาร

กระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอกำลังเร่งสะสางคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทร่วมก่อสร้าง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด

ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีและการสื่อสารที่ราบรื่นระหว่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กับทางการจีน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจากกรณีความร่วมมือต่างๆ ในอดีต ทำให้มั่นใจได้ว่า การดำเนินคดีในครั้งนี้จะไม่นำไปสู่ข้อขัดแย้งระหว่างประเทศที่บานปลาย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *