อว. ผนึก สตม. ลุยตรวจเข้ม ‘นักศึกษาต่างชาติ’ แฝงทำงานผิดกฎหมาย ขู่ฟันสถานศึกษาที่รู้เห็น
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีที่มีข่าวว่าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ใช้ช่องทางของวีซ่านักเรียนเพื่อเดินทางเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีการพาดพิงถึงมหาวิทยาลัยบางแห่งว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
รมว.ศุภมาส กล่าวว่า กระทรวง อว. ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ดำเนินการทันที โดยได้มีคำสั่งให้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังวิทยาลัยสงฆ์ลำพูน สังกัดมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยเอกชนอีก 3 แห่ง ที่มีรายงานว่ามีผู้ถือหุ้นเป็นชาวจีน
ในหนังสือดังกล่าว กระทรวง อว. ได้ขอให้สถานศึกษาทั้ง 4 แห่ง เร่งรายงานข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับนักศึกษาชาวจีนทั้งหมดที่กำลังศึกษาอยู่ ทั้งจำนวนนักศึกษา สาขาวิชาที่เลือกเรียน ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาจนสำเร็จการศึกษา และข้อมูลการได้รับอนุมัติวีซ่านักเรียน โดยกำหนดให้สถานศึกษาส่งข้อมูลทั้งหมดมายังกระทรวง อว. ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบเบื้องต้น
พร้อมกันนี้ สิ่งสำคัญที่กระทรวง อว. กำลังดำเนินการควบคู่ไป คือ การสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เป็นผู้แทนเข้าร่วมหารือกับ สตม. อย่างเป็นทางการ
การหารือดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 23 เมษายนนี้ ที่กระทรวง อว. โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการในการตรวจสอบและติดตามนักศึกษาต่างชาติที่เดินทางเข้ามาศึกษาในประเทศไทยให้มีความเข้มงวดและรัดกุมมากยิ่งขึ้น เน้นย้ำการป้องกันและปราบปรามกรณีที่อาจมีการใช้วีซ่านักเรียนเป็นเครื่องมือในการลักลอบเข้ามาทำงานหรือดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่ผิดกฎหมาย
น.ส.ศุภมาส ย้ำว่า การประชุมร่วมกับ สตม. ครั้งนี้ จะเป็นการบูรณาการฐานข้อมูลและกระบวนการทำงานระหว่างสองหน่วยงานที่สำคัญ เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะ พฤติกรรม และการปฏิบัติตามเงื่อนไขของวีซ่าของนักศึกษาต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“หากกระทรวง อว. หรือ สตม. ตรวจสอบพบว่าสถานศึกษาใดมีส่วนรู้เห็น เป็นใจ หรือปล่อยปละละเลยให้นักศึกษาต่างชาติใช้สถานะนักเรียนไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานผิดกฎหมาย หรือกิจกรรมอื่นใดที่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบของประเทศไทย ทางกระทรวง อว. จะไม่ละเว้น และจะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เพื่อรักษามาตรฐานและความน่าเชื่อถือของระบบการอุดมศึกษาไทยไว้” รมว.อว. กล่าวหนักแน่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ จึงจำเป็นต้องเร่งสร้างความชัดเจนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าประเทศไทยจะไม่ถูกใช้เป็นช่องทางในการลักลอบเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย หรือใช้เป็นฐานในการกระทำผิดอื่นใด
ในอนาคต กระทรวง อว. ยังมีแผนที่จะเร่งจัดทำฐานข้อมูลกลางของนักศึกษาต่างชาติทั่วประเทศ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้ประกอบการตรวจสอบได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว รวมถึงเตรียมพิจารณาและทบทวนนโยบาย ตลอดจนมาตรการในการรับนักศึกษาต่างชาติให้มีความรัดกุมและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต