ครม. ไฟเขียว คลังกู้กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เร่งเครื่องพัฒนา ‘มอเตอร์เวย์-รันเวย์ 2’ สนามบินอู่ตะเภา

ครม. ไฟเขียว คลังกู้กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เร่งเครื่องพัฒนา ‘มอเตอร์เวย์-รันเวย์ 2’ สนามบินอู่ตะเภา

ทำเนียบรัฐบาล – ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติสำคัญในการอนุมัติให้กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ดำเนินการกู้เงินเพื่อขับเคลื่อนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สองโครงการหลัก โดยมีวงเงินรวมกว่า 15,650 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดว่า ครม. ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินจาก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) สำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โดยมีกรอบวงเงินจำนวน 68.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นวงเงินประมาณ 2,440.19 ล้านบาท (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น)

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ยังได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากอีกแหล่งทุนสำคัญ คือ ธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank: AIIB) ในวงเงินจำนวน 423.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 13,210 ล้านบาท เพื่อใช้สนับสนุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยเฉพาะในส่วนของการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) และทางขับที่ 2 ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินอู่ตะเภาในอนาคต

พร้อมกันนี้ ครม. ยังได้เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้องของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ดังกล่าว รวมถึงเห็นชอบในการระบุให้ใช้อนุญาโตตุลาการเป็นกลไกในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารเงื่อนไขทั่วไปสำหรับเงินกู้รัฐบาล

อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเพิ่มเติม โดย สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอความเห็นให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ กองทัพเรือ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อพิจารณาแผนการกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้โครงการให้มีความสอดคล้องกับแผนการเปิดให้บริการของสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งมีความล่าช้าไปจากเป้าหมายเดิมมาก เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แสดงความเห็นถึงประเด็นความเสี่ยง โดยระบุว่า การกู้เงินในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะส่งผลกระทบได้ทั้งในแง่ของความเพียงพอของเงินบาทในการชำระค่าใช้จ่ายโครงการ รวมถึงภาระในการใช้คืนเงินกู้ในอนาคต จึงเสนอแนะให้กระทรวงการคลังพิจารณาบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวอย่างรอบคอบ

การอนุมัติกู้เงินครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC ซึ่งคาดว่าจะช่วยยกระดับศักยภาพด้านการคมนาคมขนส่งและเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว แม้จะมีข้อท้วงติงด้านความเสี่ยงและการบริหารจัดการโครงการที่ต้องดำเนินการอย่างรัดกุมต่อไป.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *