กลุ่มพูลผล ผนึก 4 ธุรกิจหลัก ชู ‘เกษตร-อสังหาฯ’ เรือธง เดินหน้าสู่เป้าหมายรายได้ 6 หมื่นล้าน พร้อมเติบโตเคียงข้างสังคมไทย

กรุงเทพฯ – “กลุ่มพูลผล” หนึ่งในองค์กรธุรกิจชั้นนำของไทย ซึ่งดำเนินกิจการเคียงคู่สังคมไทยมายาวนานกว่า 83 ปี ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในปี 2566 ด้วยผลประกอบการรวมกว่า 60,000 ล้านบาท ตอกย้ำความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ โดยในปีนี้ กลุ่มพูลผลยังคงเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ด้วยการชู 4 กลุ่มธุรกิจหลักเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนสำคัญ พร้อมมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการ การขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการบริหารงานอย่างโปร่งใส และให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนเคียงข้างสังคมไทย

นายดนัยธนิต พิศาลบุตร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มพูลผล เปิดเผยว่า ความสำเร็จตลอดระยะเวลากว่าแปดทศวรรษของกลุ่มพูลผล มาจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและคู่ค้า สำหรับปี 2566 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จด้วยรายได้กว่า 60,000 ล้านบาท จากการดำเนินงานของ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในปี 2567 นี้ กลุ่มพูลผลยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรไทย การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้บริโภค และการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร

กลยุทธ์ขับเคลื่อนด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก

กลุ่มพูลผล ได้วางกลยุทธ์หลักในปีนี้ โดยให้ความสำคัญกับ 4 กลุ่มธุรกิจ จากวิสัยทัศน์ผู้บริหารที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติของสังคม ผู้บริโภค และเศรษฐกิจไทย โดยมี “ธุรกิจการเกษตร” และ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” เป็นกลุ่มธุรกิจเรือธงที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต โดย 4 กลุ่มธุรกิจหลักของกลุ่มพูลผล ประกอบด้วย:

1. ธุรกิจการเกษตร

กลุ่มพูลผลถือเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรไทย มีแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง อาทิ:

  • น้ำมันพืชกุ๊ก (บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด): ยกระดับสู่อาหารสุขภาพระดับเวิลด์คลาส ทั้งน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน และน้ำมันคาโนลา ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจโรงสกัดน้ำมันพืชในระดับอาเซียน ด้วยกำลังการผลิตที่รองรับตลาดเอเชีย ได้รับรางวัล Superbrands 8 ปีซ้อน และส่งออกกว่า 15 ประเทศในเอเชีย รวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ เช่น กากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ โดยให้ความสำคัญกับการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีเป้าหมายสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions)
  • วุ้นเส้นต้นสน (บริษัท สิทธินันท์ จำกัด): แบรนด์วุ้นเส้นพรีเมียมครองใจคนรักสุขภาพ ได้รับรางวัล Superbrand 7 ปีซ้อน โดดเด่นด้วยการผลิตจากแป้งถั่วเขียว 100% ให้เส้นเหนียวนุ่ม อร่อย รวมถึงแบบไม่ฟอกสีที่มีสีเขียวธรรมชาติ และคุณสมบัติ Low GI ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ส่งออกไปยังญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ยังต่อยอดความสำเร็จด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มซอสและเครื่องปรุง เช่น น้ำจิ้มสุกี้ และซอสผัดไทย เพื่อผลักดัน Soft Power อาหารไทยสู่เวทีโลก
  • เอสเอ็มเอส กรุ๊ป (SMS Group): ผู้นำด้านนวัตกรรมแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Tapioca Starch) มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อยอดผลผลิตเกษตรไทยสู่ตลาดโลก ส่งออกคุณภาพสูงกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ตอบสนองความต้องการหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอาหาร ยา และพลาสติกย่อยสลายได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

2. ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

ภายใต้ บริษัท ซี.อี.เอส. จำกัด มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 60 ปี เป็นที่ยอมรับในวงการรับเหมาก่อสร้างอาคารทุกประเภท มีส่วนร่วมสร้างสรรค์โครงการและแลนด์มาร์คสำคัญของไทยมากมาย ตั้งแต่สำนักงาน โรงแรมหรู โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้า ศูนย์ประชุม ไปจนถึงคลังสินค้า ASRS ปีนี้ประกาศแผนรุกตลาดใหม่ (New Growth Potential) ด้วยการขยายธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรม พร้อมตั้งเป้ารายได้ 4,000 ล้านบาทภายในปี 2570

3. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

กลุ่มพูลผลเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาตรฐานสากล ด้วยโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่บนที่ดินกว่า 600 ไร่ ภายใต้ชื่อ “Future City Rangsit” มิกซ์ยูสครบวงจรย่านรังสิต-ปทุมธานี ประกอบด้วย ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ (พื้นที่ขนาดใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของไทย), โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, อาคารสำนักงาน, โรงพยาบาล, ร้านอาหาร, ศูนย์บริการรถยนต์ และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ นอกจากนี้ยังครอบคลุม “ตลาดรังสิต” ตลาดสดขนาดใหญ่ รวมถึงที่พักอาศัย และ Rangsit Hub ศูนย์รวมการคมนาคมครบวงจร ถือเป็นการลงทุนศักยภาพสูงในโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องกว่า 4 ปี ความก้าวหน้าเกิน 80% พร้อมโครงสร้างพื้นฐานครบครัน นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบริการบริหารจัดการอาคารและบริการที่เกี่ยวข้อง

4. ธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์

ดำเนินงานโดย บริษัท พูลพิพัฒน์ จำกัด ให้บริการท่าเรือและคลังสินค้าในทำเลยุทธศาสตร์ รวม 7 สาขาทั่วประเทศ ล่าสุดเปิดคลังสินค้าใหม่ แหลมฉบัง 1-2 เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและผลจากการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งสอดรับกับการลงทุนจากคู่ค้าสำคัญ เช่น สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น นอกจากนี้ บริษัท พูลอุดม จำกัด ยังเน้นนำอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าไฟฟ้ามาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานฟอสซิล และใส่ใจสิ่งแวดล้อม กลุ่มธุรกิจนี้มุ่งหาพันธมิตรที่มีศักยภาพและจริยธรรมเพื่อการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต

นายดนัยธนิต ย้ำว่า ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจการเกษตร โดยเฉพาะแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ถือเป็นแหล่งรายได้จากการส่งออกที่สำคัญของประเทศ คิดเป็นกว่า 80% ของรายได้กลุ่มนี้ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด สอดรับกับนโยบายภาครัฐในการพัฒนา EEC ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขยายคลังสินค้าเพื่อรองรับการเติบโต

ด้วยวิสัยทัศน์และค่านิยมองค์กรที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ความถูกต้อง โปร่งใส ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของทุกบริษัทในเครือ ทำให้กลุ่มพูลผลได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า คู่ค้า และผู้ถือหุ้น เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรมาโดยตลอด

“ความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้วัดจากการเติบโตระยะสั้นเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวยืนหยัดในระยะยาว เพราะเรามองความยั่งยืนสร้างฐานสู่อนาคตเพื่อคนรุ่นต่อไป” นายดนัยธนิต กล่าวทิ้งท้าย

กลุ่มพูลผล ได้วางทิศทางองค์กรเพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้ สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ ภาคสังคม ผู้บริโภค และแนวคิดความยั่งยืน (Sustainability) พร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารองค์กรเพื่อมุ่งสู่ระดับสากล ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง และพร้อมเดินหน้าเติบโตเคียงคู่เศรษฐกิจไทย เป็นส่วนหนึ่งของกระแสโลกในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว.

สามารถติดตามข่าวสารของกลุ่มพูลผลได้ที่ www.poonphol.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *