กรุงเทพฯ – ล่าสุดทีมงาน MG เซลส์ ประเทศไทย นำโดย ‘สุภกิจ วิเศษไพฑูรย์’ ประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมให้สื่อมวลชนได้สัมผัสและทดลองขับเบาๆ กับ MG S5 EV คอมแพ็กต์ เอสยูวี ไฟฟ้าตัวใหม่ ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จและจุดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่จาก MG 4 รถยนต์ไฟฟ้าขับหลังที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มที่ชื่นชอบความสนุกเร้าใจ งานนี้เน้นให้เห็นตัวจริงเป็นหลัก ส่วนการทดสอบแบบเต็มรูปแบบจะตามมาในเร็วๆ นี้

MG S5 EV มาพร้อมสโลแกนที่สะท้อนถึงจุดเด่นสำคัญ ได้แก่ ขับดี วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย นอกจากนี้ ยังมอบความมั่นใจให้ผู้ใช้งานด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชุดควบคุมมอเตอร์ แบบ Lifetime Warranty เพื่อคลายความกังวลในระยะยาว ซึ่งถือเป็นจุดที่ทำให้หลายคนหันมาพิจารณาเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า MG รุ่นนี้

ดีไซน์ภายนอกและภายใน

มองภายนอก MG S5 EV มีดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับ MG 4 แต่ถูกยกสูงขึ้นในสไตล์คอมแพ็กต์ SUV โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์สปอร์ต พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED มาพร้อมสปอยเลอร์หลัง ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบแตะเปิดอัตโนมัติ หลังคาซันรูฟพาโนรามาขนาดใหญ่ และราวหลังคาที่ติดตั้งมาพร้อม

ภายในห้องโดยสารออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่แฝงความหรูหรา ตกแต่งแบบทูโทนสีเทา-ดำ ใช้วัสดุหุ้มเบาะหนังสังเคราะห์ สำหรับรุ่น V ซึ่งเป็นรุ่นท็อป มีฟังก์ชันพิเศษคือเบาะนั่งมีรูระบายอากาศ ช่วยเพิ่มความสบาย เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ส่วนเบาะหลังสามารถแยกพับแบบ 60:40 พร้อมที่พักแขนและช่องวางแก้วน้ำ

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง หน้าจอแสดงข้อมูลสำหรับผู้ขับขี่แบบ Digital ขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจอระบบสัมผัสกลางขนาด 12.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART 3.0 ที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้งานง่ายและตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงมีที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย (Wireless Charger) มาให้ด้วย

สมรรถนะและระบบชาร์จ

MG S5 EV ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง (RWD) ซึ่งช่วยให้การกระจายน้ำหนักตัวรถทำได้สมมาตรที่ 50:50 ส่งผลให้การเกาะถนนทำได้ดีขึ้น ประกอบกับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และช่วงล่างที่ปรับมาอย่างลงตัว ตัวรถมาพร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อพร้อมช่องระบายความร้อน มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 โหมด ได้แก่ Comfort, Normal, Sport, Snow และ Custom

ในส่วนของระบบชาร์จ MG S5 EV รองรับการชาร์จแบบเร็ว (Quick Charge) จาก 10% ถึง 80% โดยใช้เวลาน้อยกว่า 30 นาที และรองรับกระแสตรง (DC) สูงสุดถึง 140 kW นอกจากนี้ ยังมีระบบ V2L (Vehicle to Load) ที่สามารถแปลงรถให้เป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกได้สูงสุด 6 kW เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางหรือกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องการปลดเกียร์ว่างเมื่อต้องลากจูง รุ่นนี้มีฟังก์ชันปลดล็อกเกียร์ว่างผ่านหน้าจอทำให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

ระบบความปลอดภัย

MG S5 EV จัดเต็มระบบความปลอดภัย Active Safety แบบ ADAS มาให้อย่างครบครัน ทำงานประสานกันเพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อาทิ ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA – Lane Change Assist), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSM – Blind Spot Monitoring), ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง (RTA – Rear Traffic Alert), ระบบช่วยเบรกขณะถอย (RAB – Rear Automatic Braking), ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW – Door Open Warning) และระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RDW – Rear Driving Warning)

ประสบการณ์ทดลองขับ (รุ่น V)

การทดลองขับครั้งนี้เป็นการวนในโครงการที่จัดไว้ ซึ่งแม้ระยะทางไม่ยาวมาก แต่ก็มีทางโค้งและลูกระนาดให้ได้สัมผัสสมรรถนะ โดยได้ทดสอบในรุ่น V ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 64 kWh เคลมระยะทางวิ่งได้สูงสุด 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่ง MG ระบุว่าเป็นระยะทางวิ่งที่ไกลที่สุดในคลาสเดียวกัน

เริ่มต้นในโหมด Normal ตัวรถขับได้นุ่มนวล คล่องตัว การควบคุมง่าย จุดที่ประทับใจคือความเงียบในห้องโดยสาร เสียงจากภายนอกและเสียงยางบดถนนเข้ามาน้อยมาก แม้จะขับบนถนนคอนกรีต

เมื่อลองเปลี่ยนเป็นโหมด Sport ตัวรถมีการตอบสนองที่ดีขึ้น ไม่ถึงกับดึงหลังติดเบาะแบบรถ EV สมรรถนะสูง แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ทันใจ ไม่อืดอาด ในช่วงเข้าโค้งด้วยความเร็วสัมผัสได้ถึงอาการท้ายบานเล็กน้อยตามสไตล์รถขับหลัง แต่สามารถควบคุมได้ง่ายด้วยพวงมาลัยที่ค่อนข้างคมและช่วงล่างที่เอาอยู่

สุดท้าย การทดสอบผ่านลูกระนาดขนาดเล็กที่ติดตั้งสลับซ้าย-ขวา เพื่อลองความนุ่มนวลของช่วงล่าง พบว่าช่วงล่างมีความนุ่มนวลดี แรงสะท้อนสะเทือนที่ส่งเข้าห้องโดยสารค่อนข้างน้อย เมื่อพิจารณาว่าเป็นคอมแพ็กต์ SUV

ราคาและการวางจำหน่าย

สำหรับ MG S5 EV รุ่น V ที่ทีมงานได้ทดลองขับ มีราคาค่าตัวปกติอยู่ที่ 949,900 บาท แต่มีราคาพิเศษสำหรับผู้ที่จองภายในวันที่ 30 เมษายน 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ราคาเพียง 899,900 บาท พร้อมรับแพ็กเกจและโปรโมชันพิเศษอีกมากมาย รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Warranty) ตามที่กล่าวไปข้างต้น

โดย กิตติพงศ์ ศรีเจริญ