ประกันสังคม แจงเงื่อนไขสำคัญ ผู้ประกันตน มาตรา 33 รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน ต้องทำอย่างไร ได้เท่าไหร่

กรุงเทพฯ – สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่กำลังประสบปัญหาว่างงาน สำนักงานประกันสังคมได้ชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิ์เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานอย่างละเอียด ซึ่งผู้ประกันตนที่เข้าเงื่อนไขมีสิทธิ์ได้รับเงินทดแทนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระหว่างหางานใหม่

เงื่อนไขสำคัญที่ผู้ประกันตนจะต้องปฏิบัติตามเพื่อรักษาสิทธิ์ในการรับเงินทดแทนกรณีว่างงาน มีดังนี้:

  • ต้องเป็นผู้ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน
  • เป็นผู้มีความสามารถในการทำงานและพร้อมที่จะทำงานที่เหมาะสมตามที่สำนักงานจัดหางานจัดหาให้
  • ต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงานที่จัดให้
  • การว่างงานต้องไม่เป็นเหตุมาจากการกระทำความผิดจนทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

นอกจากหลักเกณฑ์ข้างต้นแล้ว ผู้ประกันตนจะต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ทางเว็บไซต์ https://e-service.doe.go.th/ ของสำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ลาออก ถูกเลิกจ้าง หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จึงจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน โดยจะเริ่มนับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 8 ของการว่างงานเป็นต้นไป

หลังจากขึ้นทะเบียนแล้ว ผู้ประกันตนมีหน้าที่ต้องรายงานตัวตามกำหนดนัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์เดิม ไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อยืนยันสถานะการว่างงานและแสดงความพร้อมในการหางาน

สิทธิที่จะได้รับประโยชน์ทดแทนเงินทดแทนในระหว่างการว่างงาน มีรายละเอียดแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุของการว่างงาน:

  • กรณีลาออกเอง หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามกำหนดระยะเวลา: จะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ยรายวัน ซึ่งคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
  • กรณีถูกเลิกจ้าง: จะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยรายวัน โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบเดียวกัน (ขั้นต่ำ 1,650 บาท และสูงสุด 15,000 บาท)
  • กรณีถูกเลิกจ้างเพราะเหตุสุดวิสัย (เช่น ภัยพิบัติ, โรคระบาด): จะได้รับเงินทดแทนตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด

หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ประกอบด้วย:

  • แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส. 2-01/7)
  • หนังสือรับรองการออกจากงาน หรือสำเนาแบบแจ้งการลาออกจากงานของผู้ประกันตน (สปส. 6-09) (หากไม่มี สามารถขึ้นทะเบียนได้ แต่ควรรีบติดต่ออดีตนายจ้างหรือประกันสังคม)
  • หนังสือหรือคำสั่งของนายจ้างให้ออกจากงาน (ถ้ามี)
  • หนังสือรับรองการขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย (กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย)
  • สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ประกันตน โดยต้องเป็นบัญชีของ 11 ธนาคารที่กำหนด ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย, กรุงศรีอยุธยา, กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย, ทหารไทย, ธนชาต (ปัจจุบันควบรวมกับทหารไทยเป็นธนาคารทหารไทยธนชาต), ซีไอเอ็มบีไทย, อิสลามแห่งประเทศไทย, ออมสิน, และ ธ.ก.ส.

ผู้ประกันตนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือโทรสายด่วน 1506 รวมถึงศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th และแอปพลิเคชัน SSO+.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *