YLG ชี้ทองคำทะยานทำนิวไฮทั่วโลก กังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และดอลลาร์อ่อนค่าหนุนแรง
กรุงเทพฯ, 21 เมษายน 2568 – บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ประเมินทิศทางราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและมีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แม้ระยะสั้นอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากความกังวลของนักลงทุนต่อความไม่แน่นอนในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจีนที่ยังคงตึงเครียด ประกอบกับการอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาทองคำว่า จากข้อมูล ณ วันที่ 21 เมษายน 2568 เวลา 14.20 น. ราคาทองคำโลก (Gold Spot) ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นจากต้นปี โดยทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 3,395.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คิดเป็นการปรับตัวขึ้นถึง 771.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 29.42% ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในตลาดไทยก็ทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 53,200 บาทต่อบาททองคำ ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 10,800 บาท หรือกว่า 25.35% เช่นกัน นอกจากนี้ กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้เข้าซื้อทองคำสุทธิแล้วถึง 79.77 ตันในปีนี้
ปัจจัยความกังวลต่อการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ยังคงเป็นแรงกดดันสำคัญ แม้ทั้งสองฝ่ายจะเปิดช่องทางการเจรจาเพื่อหาทางออก แต่ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ย้ำจุดยืนที่แข็งกร้าว โดยระบุว่าจีนเคารพสิทธิของแต่ละประเทศบนพื้นฐานความเท่าเทียม แต่จะคัดค้านอย่างหนักแน่น หากมีประเทศใดทำข้อตกลงที่ส่งผลเสียต่อจีน และพร้อมดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ความผันผวนและความกังวลของนักลงทุนยังคงอยู่ในระดับสูง
ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่องจนทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญของราคาทองคำ สาเหตุหลักมาจากความเสี่ยงด้านนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะถดถอย (Recession) นอกจากนี้ ความวุ่นวายภายในประเทศสหรัฐฯ ล่าสุดจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social แสดงความไม่พอใจและต้องการปลดนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยวิจารณ์ว่าเฟดปรับลดดอกเบี้ยล่าช้าเกินไป เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่องค์กรอิสระอย่างเฟดอาจถูกแทรกแซงทางการเมือง และเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการชุมนุมประท้วงนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ในหลายเมือง ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากมีความเป็นอิสระจากปัจจัยภายในสหรัฐฯ และมักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์
อีกปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำในปีนี้ คือการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งสภาทองคำโลก (WGC) รายงานว่าในปี 2567 ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำสุทธิรวม 1,045 ตัน ถือเป็นการซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 และเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ความต้องการทองคำสูงเกิน 1,000 ตัน สำหรับปี 2568 ธนาคารกลางยังคงซื้อทองคำสุทธิใน 2 เดือนแรกไปแล้ว 24 ตัน นำโดยธนาคารกลางโปแลนด์ที่ซื้อสุทธิรวม 32 ตัน (ต่อเนื่อง 11 เดือน) และธนาคารกลางจีน (PBOC) ซึ่งซื้อสุทธิเพิ่มขึ้น 10 ตัน ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จีนถือครองทองคำสำรองเพิ่มขึ้นถึง 340 ตัน และยังคงซื้อต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนมีนาคม
สำหรับการลงทุนในระยะนี้ YLG แนะนำให้ใช้กลยุทธ์หาจังหวะราคาที่ย่อตัวลงเพื่อเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น โดยมองแนวรับสำคัญที่ 3,321 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายืนเหนือระดับนี้ได้ ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้าน 3,400-3,411 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรหากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ แต่หากราคาหลุดแนวรับ 3,321-3,300 ดอลลาร์ จะเสียโมเมนตัมในระยะสั้นและมีโอกาสเข้าสู่ช่วงพักตัวอีกครั้ง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถพิจารณาลงทุนในตลาดทองคำฟิวเจอร์ส ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ดีในช่วงที่ราคาทองคำอยู่ในระดับสูง เนื่องจากใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงประมาณ 10% ของมูลค่าทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง ปัจจุบัน YLG Futures มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชี โดยจะได้รับสิทธิ์ใช้งาน Trading View Essential Plan ฟรี ซึ่งมีเครื่องมือวิเคราะห์กราฟและฟีเจอร์ทางเทคนิคที่ครบครัน ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจลงทุน
ข้อมูลเพิ่มเติม: ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาทอง Gold Spot (ณ เวลา 20.45 น. ตามเวลาไทย) ในคืนวันที่ 21 เมษายน ยังคงเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลต่อเนื่อง โดยพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 3,423.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์