ผู้ตรวจการแผ่นดิน เดินหน้าสอบปมระเบียบราชทัณฑ์ส่ง ‘ทักษิณ’ รพ.ตำรวจ หลัง กสม. ร้องเพิกถอน ชี้ ขั้นตอนอาจโมฆะ เตรียมส่งศาลปกครองหากจำเป็น

ผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งตรวจสอบระเบียบกรมราชทัณฑ์ส่งผู้ต้องขังรักษาตัวนอกเรือนจำ รวมถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นเรื่องร้องเรียนให้เพิกถอน ชี้ขั้นตอนที่ผ่านมาอาจเป็นโมฆะ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเผยกำลังรวบรวมข้อเท็จจริงจากหลายหน่วยงาน เตรียมส่งศาลปกครองพิจารณาหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการแก้ไข

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 พ.ต.ท. กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา

พ.ต.ท. กีรป ระบุว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้นำเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้าสู่ระบบแล้ว โดย กสม. ได้ยื่นมา 2 ประเด็นหลัก คือ

  1. ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องไปยังศาลปกครอง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ของกรมราชทัณฑ์
  2. กรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร ไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดย กสม. ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งว่าขั้นตอนทั้งหมดของกรมราชทัณฑ์ในกรณีนี้เป็นโมฆะ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือไม่สอดคล้องกับคำพิพากษาของศาล

เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า จากนี้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยจะทำหนังสือสอบถามไปยังกรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกระเบียบ เพื่อขอทราบเหตุผลและวิธีการคิดในการออกระเบียบ รวมถึงพิจารณาว่าหากมีการยกเลิกระเบียบดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อส่วนรวมอย่างไร และมีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือไม่

นอกจากนี้ จะขอข้อมูลจาก กสม. ที่ได้ศึกษาเบื้องต้นมาแล้ว และข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงศาลฎีกาด้วย เพื่อพิจารณาว่า การที่กรมราชทัณฑ์ส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยไม่มีการไต่สวนจากศาลนั้น อาจมีความขัดแย้งต่อคำพิพากษาของศาลหรือไม่ เนื่องจากผู้ร้องได้เสนอประเด็นใหม่ว่า การส่งตัวนักโทษออกไปรักษานอกเรือนจำควรต้องขออำนาจศาลหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม

พ.ต.ท. กีรป ชี้แจงถึงกรอบการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดินว่า โดยปกติจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยจะออกหนังสือขอคำชี้แจงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใน 1 สัปดาห์ และให้หน่วยงานตอบกลับมาภายใน 30 วัน ซึ่งสามารถขอขยายเวลาได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน รวมแล้วไม่เกิน 60 วัน หากข้อมูลที่ได้รับไม่เพียงพอ อาจมีการเชิญผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเข้ามาร่วมประชุมชี้แจง แต่ยังไม่ถึงขั้นเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

ในส่วนของประเด็นที่ว่า นายทักษิณได้พ้นการรับโทษแล้ว หากกระบวนการที่ผ่านมาเป็นโมฆะ จะมีผลให้ต้องกลับเข้าสู่กระบวนการรับโทษอีกครั้งหรือไม่นั้น พ.ต.ท. กีรป ระบุว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถตรวจสอบได้ แต่ผลทางกฎหมายว่าจะต้องกลับเข้าสู่กระบวนการเดิมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ว่าเมื่อมีการยกเลิกการดำเนินการที่ผ่านมาแล้ว จะมีผลเช่นไรต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่ต้องพิจารณา

เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อมูลครบถ้วนแล้ว สำนักงานฯ จะสรุปข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อวินิจฉัยว่าจะให้คำแนะนำแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างไร รวมถึงพิจารณาว่าจะมีความเห็นให้สั่งฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อเพิกถอนระเบียบดังกล่าวหรือไม่ โดยหากผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าควรแก้ไขระเบียบ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการ ก็อาจจำเป็นต้องพึ่งอำนาจศาลปกครองในการยกเลิกหรือแก้ไขต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *