“เทียนกง อัลตรา” หุ่นยนต์จีน สร้างประวัติศาสตร์ วิ่งฮาล์ฟมาราธอนสำเร็จใน 2 ชั่วโมง 40 นาที
ปักกิ่ง, จีน – หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ชื่อ “เทียนกง อัลตรา” (Tiangong-Ultra) จากประเทศจีน ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการหุ่นยนต์และเทคโนโลยี ด้วยการพิชิตระยะทางการวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตรสำเร็จเป็นครั้งแรก
ความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้เกิดขึ้นในการแข่งขัน “โรบอต ฮาล์ฟ มาราธอน” ซึ่งเป็นรายการวิ่งสำหรับหุ่นยนต์รายการแรกของโลก ที่จัดขึ้นคู่ขนานไปกับการแข่งขันปักกิ่ง ฮาล์ฟ มาราธอนประจำปี ที่มีนักวิ่งที่เป็นมนุษย์เข้าร่วมกว่า 12,000 คน
รายงานจากแหล่งข่าว ระบุว่า หุ่นยนต์เทียนกง อัลตรา ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทในประเทศจีน สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยในระยะทาง 21.1 กิโลเมตร ด้วยเวลาอย่างเป็นทางการที่ 2 ชั่วโมง 40 นาที ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์
การแข่งขัน “โรบอต ฮาล์ฟ มาราธอน” นี้ มีกฎเกณฑ์ที่น่าสนใจ โดยอนุญาตให้มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่และการซ่อมแซมระหว่างการแข่งขันได้ แต่เวลาที่ใช้ในการดำเนินการดังกล่าวจะถูกนับรวมเข้าไปในเวลาสรุปผลทั้งหมด ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายทางด้านการจัดการพลังงานและความทนทานของตัวหุ่นยนต์ในสภาพการใช้งานจริงที่ยาวนาน
ความสำเร็จของเทียนกง อัลตรา ในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีนที่ต้องการผลักดันอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ โดยเฉพาะหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์
ในปี 2023 กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ได้กำหนดนโยบายอย่างชัดเจนที่จะสนับสนุนการพัฒนาหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ โดยมองว่าหุ่นยนต์ประเภทนี้คือ “พรมแดนใหม่” ในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระดับโลก การที่หุ่นยนต์สามารถทำงานที่ซับซ้อนและใช้พลังงานสูงอย่างการวิ่งระยะไกลได้สำเร็จ ถือเป็นข้อพิสูจน์ที่สำคัญของความก้าวหน้าภายใต้นโยบายดังกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมองว่า ความสามารถในการวิ่งระยะไกลของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เช่นนี้ ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ในเชิงกีฬาหรือการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสในการนำหุ่นยนต์ไปประยุกต์ใช้ในงานภาคสนามที่ต้องการการเคลื่อนที่ในระยะทางไกลและในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น งานสำรวจ, งานกู้ภัย, หรือแม้แต่ในภาคอุตสาหกรรมและการบริการ
ความสำเร็จของ เทียนกง อัลตรา ในการแข่งขัน “โรบอต ฮาล์ฟ มาราธอน” จึงถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่บ่งชี้ว่า หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์กำลังก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และมีแนวโน้มที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้นในอนาคตอันใกล้